‘ดูเตอร์เต’ ต่อเวลาล็อกดาวน์ถึงสิ้นเดือนนี้
มะนิลา – ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เตขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์พื้นที่ทางเหนือของฟิลิปปินส์ ซึ่งมีประชากรครึ่งหนึ่งของประเทศอาศัยอยู่ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญระบุว่ายังไม่เห็นสัญญาณผลกระทบสูงสุดจากการระบาดของโควิด-19
คาร์โล โนกราเลส เลขาธิการคณะรัฐมนตรีระบุในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ว่า ประธานาธิบดีดูเตอร์เตได้อนุมัติคำแนะนำจากคณะทำงานร่วมในการสกัดไวรัสโควิด-19 ให้ขยายเวลา “การกักตัวของชุมชน” ออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.
ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีดูเตอร์เตประกาศล็อกดาวน์เกาะลูซอน ( ซึ่งมีขนาดใหญ่เท่ากับประเทศเกาหลีใต้ ) ตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค. และบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดที่สุดในเอเชีย ทั้งมาตรการเคอร์ฟิว ตั้งด่านตรวจหยุดการทำงาน และระงับบริการขนส่งสาธารณะ โดยกรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ตั้งอยู่บนเกาะลูซอน
“ เราจะเห็นแนวโน้มของผลกระทบการล็อกดาวน์ในช่วงกลางเดือนเม.ย. นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงขยายเวลาออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. เพื่อให้เราสามารถวัดผลกระทบสูงสุดของการกักตัวได้ ” โนกราเลส โฆษกของคณะทำงานระบุกับผู้สื่อข่าว
โดยเขาย้ำว่ายังคงเร็วเกินไปที่จะบอกได้ว่า ฟิลิปปินส์ทำให้กราฟผู้ติดเชื้อลดลงมาได้แล้ว หลังจากสามสัปดาห์ของการล็อกดาวน์เกาะลูซอน
“เรายังพูดไม่ได้ว่าเราถึงจุดพีคแล้ว และการระบาดชะลอลง หรือลดน้อยลง” เขากล่าว
ตัวเลขผู้ป่วยยืนยันในฟิลิปปินส์พุ่งทะยานขึ้นในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเพิ่มจาก 18 รายในวันที่ 17 มี.ค.มาอยู่ที่ 3,660 รายในวันที่ 6 เม.ย.
โฆษกโนกราเลสระบุว่า ทางสาธารณสุขจะเพิ่มการตรวจทดสอบผู้ต้องสงสัยจาก 13,000 รายเป็น 20,000 รายต่อวันเพื่อให้ชัดเจนว่าสามารถผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ลงได้ ( เนื่องจากการล็อกดาวน์ส่งผลให้คนตกงานและทำเศรษฐกิจทรุด)
เขาระบุว่า การตรวจทดสอบไวรัสต้องเร็วขึ้นคือทราบผลใน 24 ชม. และผู้เป็นพาหะของไวรัสต้องถูกแยกกักตัวได้เร็วขึ้น
ทั้งนี้ เกาะลูซอนถูกตัดขาดจากพื้นที่อื่นในฟิลิปปินส์ตั้งแต่กลางเดือนมี.ค. บนเกาะนี้มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 60 ล้านคน และสร้างมูลค่าเศรษฐกิจคิดเป็น 70% ของจีดีพีประเทศ
สำนักวางแผนเศรษฐกิจของรัฐบาลเตือนว่า มีแรงงานอย่างน้อย 1 ล้านคนที่อาจตกงานจากมาตรการล็อกดาวน์
โดยดูเตอร์เตอนุมัติมาตการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าอย่างน้อย 200,000 ล้านเปโซ โดยหนึ่งในมาตรการสำคัญคือการแจกเงินช่วยเหลือเยียวยาจำนวน 5,000 – 8,000 เปโซให้กับผู้มีรายได้น้อย 18 ล้านครัวเรือน
เมื่อสัปดาห์ก่อน กลุ่มคนที่อาศัยในสลัมทางเหนือของกรุงมะนิลาออกมาประท้วงว่า พวกเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือ ทั้งอาหารและสิ่งของบรรเทาทุกข์อื่นๆตั้งแต่เริ่มมาตรการล็อกดาวน์มานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว โดยตำรวจได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์และจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ประมาณ 20 คน
ต่อมา ผู้นำฟิลิปปินส์เตือนผู้ฝ่าฝืนมาตรการล็อกดาวน์ว่าอาจถูกยิงวิสามัญได้หากก่อปัญหา
โนกราเลสระบุว่า เขาคาดการณ์ว่าฟิลิปปินส์จะเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านเป็นการใช้ชีวิตปกติแบบใหม่ ก่อนที่รัฐบาลจะตัดสินใจผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
“ นี่จะไม่เป็นคำสั่งบังคับ แต่การเว้นระยะห่างทางสังคมต้องคงอยู่ และการตรวจทดสอบก็ต้องมีอยู่” เขากล่าว
เขาระบุว่า หากมีวัคซีนโควิด-19 ในปีหน้า “ เราก็จะกลับไปสู่ชีวิตปกติแบบเดิม”