กมลา แฮร์ริส ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
วอชิงตัน (รอยเตอร์) – เมื่อวันที่ 19 ส.ค. กมลา แฮร์ริสตอบรับการโหวตเลือกเธอจากพรรคเดโมแครตเพื่อเป็นตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเธอเรียกร้องให้ชาวอเมริกันเลือก โจ ไบเดน ในการเลือกตั้งเดือนพ.ย.นี้ และกล่าวหาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จากการเป็นผู้นำที่ผิดพลาด ทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยจำนวนมากในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
แฮร์ริสสร้างประวัติศาสตร์เป็นสตรีผิวสีและชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียคนแรกที่มีโอกาสจะได้เข้าทำเนียบเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเธอระบุว่า การเป็นผู้นำที่สร้างความแตกแยกของทรัมป์ทำให้ประเทศมีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก
“ ความวุ่นวายอย่างต่อเนื่องทำให้เราเคว้งคว้าง การไร้ความสามารถทำให้เรารู้สึกกลัว ความใจดำทำให้เรารู้สึกโดดเดี่ยว มันหนักมากจริงๆ” แฮร์ริส วัย 55 ปี ซึ่งเป็นวุฒิสมาชิกจากแคลิฟอร์เนียและอดีตอัยการกล่าวในการประชุมออนไลน์ที่จัดขึ้นที่เมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ บ้านเกิดของไบเดน ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตไวรัสโคโรนา
“ เราต้องเลือกประธานาธิบดี ซึ่งจะทำให้เรารวมกัน ทั้งคนดำ คนขาว ลาติน เอเชีย ชนพื้นเมือง เพื่อบรรลุถึงอนาคตที่เราต้องการ เราต้องเลือกโจ ไบเดน” เธอกล่าวปลุกเร้าผู้ชม
โดยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งกล่าวก่อนแฮร์ริส ได้ระบุว่า ทรัมป์ใช้อำนาจในทำเนียบขาวเพื่อ “ช่วยตัวเขาเองและเพื่อนพ้องของเขา ”
โอบามา (ซึ่งไบเดนเคยเป็นรองประธานาธิบดีคู่กันในปี 2552 – 2560) ระบุว่า เขาเคยหวังว่าทรัมป์จะทำงานอย่างจริงจัง รู้สึกถึงความสำคัญของทำเนียบ และเคารพประชาธิปไตยอเมริกัน แต่ที่ทรัมป์ทำเหมือนอยู่ในรายการเรียลลิตี้โชว์มากกว่า
การเสนอชื่อแฮร์ริสเป็นตัวแทนพรรคมีขึ้นในการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตในคืนที่สาม เป็นการชี้ให้เห็นถึงพลังของผู้หญิงที่มากขึ้นในการเมืองและในพรรคเอง ในปัจจุบัน ไบเดนมีคะแนนความนิยมสูงกว่าทรัมป์ในโพลล่าสุด โดยได้เสียงสนับสนุนจำนวนมากจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่เป็นหญิง
แฮร์ริสเล่าถึงอดีตของเธอที่เป็นเด็กที่มีเชื้อสายอินเดียจากมารดาและจาไมก้าจากบิดา เธอค่อยๆเติบโตจนประสบความสำเร็จเป็นอัยการเขต อัยการรัฐ และตอนนี้ก็กลายเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ
พรรคเดโมแครตดึงดูดผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งหญิงโดยตรง ด้วยการเน้นถึงกฎหมายต่อต้านความรุนแรงในปี 2537 ที่ไบเดนมีส่วนร่วม และนโยบายของเขาที่เสนอจะจัดหาศุนย์ดูแลเด็กเล็กและประกันสุขภาพเพื่อปกป้องครอบครัว
เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกซึ่งเคยเป็นคู่แข่งไบเดนในรอบแรก กล่าวจากศูนย์ดูแลเด็กในแมสซาชูเสตส์ที่ตอนนี้ปิดเพราะการระบาดของโควิด-19 เธอชี้ให้เห็นถึงนโยบายของไบเดนที่จะทำให้ราคาการให้บริการของศูนย์ดูแลเด็กเล็กถูกลงจนสามารถจ่ายได้ เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดของเขาที่จะช่วยชาวอเมริกันในวัยทำงานมากขึ้น
“ โควิด-19 เป็นบททดสอบครั้งใหญ่ที่สุดของทรัมป์ เขาล้มเหลวอย่างน่าเศร้าที่สุด” วอร์เรนกล่าว “ โจและกมลาจะจัดการให้มีศูนย์ดูแลเด็กเล็กคุณภาพสูงที่ทุกครอบครัวสามารถจ่ายได้ ทำให้มีสถานดูแลเด็กก่อนวัยมากขึ้น และปรับขึ้นค่าจ้างให้เจ้าหน้าที่ดูแลเด็กทุกคน”
ทั้งนี้ ไบเดนประกาศชื่อแฮร์ริสเป็นผู้สมัครคู่กับเขาเพื่อชิงชัยในการเลือกตั้งแข่งกับทรัมป์ วัย 74 ปี และรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ วัย 61 ปี โดยพรรครีพับลิกันจะมีการประชุมระดับชาติ ซึ่งเป็นการประชุมออนไลน์เช่นกัน ในสัปดาห์หน้า