‘ทรัมป์’ จ่อเร่งแบน Tik Tok
เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯกล่าวกับสื่อว่า เขาจะเร่งดำเนินการแบน Tik Tok ซึ่งมีเจ้าของเป็นบริษัทสัญชาติจีนที่กำลังบูมในสหรัฐฯโดยเร็ว
ทรัมป์พูดถึงประเด็นนี้ขณะพูดคุยกับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ในระหว่างเดินทางกลับจากรัฐฟลอริดามาที่กรุงวอชิงตัน
“ Tik Tok คงกังวลเพราะเรากำลังจะแบนบริษัทจากสหรัฐฯ” ทรัมป์ระบุ โดยระบุว่าประเด็นนี้เป็น “การตัดขาด”
ทรัมป์ไม่ได้ระบุอย่างเจาะจงว่า เขาจะแบนด้วยคำสั่งพิเศษของประธานาธิบดี หรือวิธีอื่น อ้างอิงจากการรายงานของสื่อ “ ผมมีอำนาจ ผมสามารถทำได้ด้วยคำสั่งประธานาธิบดี หรืออื่นๆ” ทรัมป์ระบุ
โดยโฆษก Tik Tok ให้สัมภาษณ์สื่อว่า ทางบริษัทช่วยสร้างงานในสหรัฐฯ และปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
“เราจ้างงานเกือบ 1,000 คนสำหรับทีมของเราในสหรัฐฯ และภูมิใจที่จะจ้างพนักงานเพิ่มอีก 10,000 คนทั่วสหรัฐฯ ” โฆษกระบุในแถลงการณ์ “ เงินทุนในการสร้างสรรค์ 1 พันล้านดอลลาร์ของเราช่วยสนับสนุนบรรดาผู้สร้างสรรค์ในสหรัฐฯ ซึ่งสร้างวิถีการดำรงชีวิตจากแพลตฟอร์มของเรา”
“ข้อมูลผู้ใช้งาน Tik Tok ในสหรัฐฯถูกจัดเก็บในสหรัฐฯ โดยมีการควบคุมการเข้าถึงของพนักงานอย่างเข้มงวด”
แถลงการณ์ระบุ “ นักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของ Tik Tok มาจากสหรัฐฯ เรามีข้อผูกพันในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ในขณะที่เราทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อนำความสุขมาสู่ครอบครัวและอาชีพที่มีความหมายสำหรับผู้ที่สร้างสรรค์บนแพลตฟอร์มของเรา”
ความเห็นของทรัมป์มีขึ้นในวันเดียวกับที่มีการรายงานข่าวว่า บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟต์กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อ Tik Tok จาก ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติจีน อ้างอิงจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับสถานการณ์นี้ โดยแหล่งข่าวรายนี้ระบุว่า ยังมีการเจรจาอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เป็นการเจรจาใหม่หมด
โดยทรัมป์ระบุกับสื่อว่า เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาเข้าซื้อ Tik Tok ของไมโครซอฟต์
ทั้งนี้ Tik Tok ทำให้ไมโครซอฟต์ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีผู้บริโภคมากขึ้น หลังจากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ไมโครซอฟต์ไม่ให้ความสนใจมากนัก โดยออกจากทั้งตลาดฮาร์ดแวร์สมาร์ทโฟน ฮาร์ดแวร์ฟิตเนส และอี-บุ๊ก
ByteDance เปิดตัวแอปพลิเคชั่น Tik Tok ในปี 2560 และได้รับความนิยมแบบพุ่งทะยานในช่วงเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนาและมีมาตรการให้ประชาชนอยู่บ้าน มีการดาวน์โหลดแอปนี้มากถึง 2,000 ล้านครั้งในเดือนเม.ย. จากข้อมูลของ Sensor Tower เป็นคู่แข่งสำคัญของทั้งเฟซบุ๊กและสแนป
มีรายงานจากสื่อในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ByteDance เสนอนักลงทุนในการเทคโอเวอร์ Tik Tok เป็นจำนวนสูงถึง 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยไมโครซอฟต์ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้
แถลงการณ์ของ Tik Tok เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ระบุว่า “ เราไม่มีความเห็นในเรื่องข่าวลือ หรือการประเมินใดๆ เราเชื่อมั่นความสำเร็จในระยะยาวของ Tik Tok ”
การเติบโตที่รวดเร็วของ Tik Tok ในสหรัฐฯ ทำให้รัฐบาลทรัมป์เพ่งเล็งตรวจสอบแอป โดยทรัมป์เคยระบุก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลกำลังมองหาทางเลือกต่างๆว่าจะทำอย่างไรกับ Tik Tok รวมถึงการแบนด้วย
การขยับเคลื่อนไหวของรัฐบาลทรัมป์ส่งผลกระทบทำให้ความสัมพันธ์ของสหรัฐฯกับจีนยิ่งถดถอยลงอีก หลังจากสัปดาห์ก่อนที่สหรัฐฯสั่งปิดสถานกงสุลจีนในฮุสตัน และจีนโต้ตอบด้วยการสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯในเมืองเฉิงตูเช่นกัน
ทั้งนี้ เพนตากอน หรือกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯสั่งห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐและสมาชิกครอบครัวใช้เทคโนโลยีที่จีนสนับสนุน โดยในเดือนธ.ค.2562 สำนักสารสนเทศกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯแนะนำเจ้าหน้าที่ทุกคนของกระทรวง ไม่ให้ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีน โดยระบุว่า “ มีความเสี่ยงสูงในการใช้แอป Tik Tok”