บลจ.ทิสโก้ จังหวะลงทุนหุ้นแดนมังกร
บลจ.ทิสโก้ชี้ ลูกค้ารอจังหวะลงทุนหุ้นแดนมังกร หลังรัฐบาลจีนอัดฉีดเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ – กำไรบจ. ยังโตเด่น สั่งลุยเพิ่มทุนกอง TISCOCHA
บลจ.ทิสโก้ชี้ นักลงทุนเข้าใจสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโคโรนา รอจังหวะซื้อหุ้นจีน คาดตลาดหุ้นฟื้นตัวได้ หากตัวเลขผู้ป่วยใหม่ลดลง และได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ประกาศเพิ่มทุนกองทุนเปิด ทิสโก้ ไชน่า A-Shares อิควิตี้ เป็น 2,000 ล้านบาท
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co., Ltd.) เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID – 19) ส่งผลให้ปัจจุบันตลาดหุ้นจีนปรับลดลงประมาณ 5% มาอยู่ที่ 4,000 จุด จากจุดสูงสุดในช่วงต้นปี 2563 ที่ 4,200 จุด ซึ่งบลจ.ทิสโก้ประเมินว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นเพียงปัจจัยลบระยะสั้นต่อตลาดหุ้น เพราะด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ของโลกที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และทุกฝ่ายต่างร่วมกันออกมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด คาดว่าน่าจะทำให้ตัวเลขผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลดลงได้ในเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขผู้ป่วยใหม่เริ่มลดลง คาดว่าจะส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีกครั้งเหมือนกรณีโรคซาร์สที่หุ้นจีนปรับเพิ่มขึ้นแรงทันทีที่ตัวเลขผู้ป่วยใหม่เริ่มลดลง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นจีนยังได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลจีนและธนาคารกลางจีน (PBoC) ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด PBoC ได้อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินผ่านข้อตกลง Reverse Repo มูลค่ารวมกว่า 1.2 ล้านล้านหยวน ซึ่งเป็นการอัดฉีดสภาพคล่องรายวันสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2547 รวมถึงปรับลดอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระยะ 7 วัน และ 14 วัน ลงอีก 0.1% เป็น 2.4% และ 2.55% ตามลำดับ
บลจ.ทิสโก้มองว่าในช่วงนี้เป็นโอกาสที่ดีที่จะหาจังหวะลงทุนในหุ้นจีน เพราะปัจจุบันอัพไซต์ของหุ้นจีนก็มีอยู่มาก หลังจากปรับลดลงไปประมาณ 5% จากต้นปี อีกทั้งรัฐบาลจีนก็ทยอยออกมาตรการมากระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านกำไรบริษัทจดทะเบียนก็ยังเติบโตในระดับที่น่าสนใจ ขณะที่ปัจจัยกดดันอย่างสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ ก็เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี นอกจากนี้ หากกลับไปดูการแพร่ระบาดของโรคซาร์สจะพบว่า เมื่อตัวเลขผู้ป่วยใหม่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วตลาดหุ้นจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งในกรณีไวรัสโคโรนาก็มีอัตราการเสียชีวิตที่น้อยกว่าโรคซาร์สพอสมควร และปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์ก็ก้าวไกลไปมาก จึงเชื่อว่าจะมีวิธีการรักษาไวรัสดังกล่าวได้โดยเร็ว และตัวเลขผู้ป่วยใหม่น่าจะเข้าใกล้จุดพีคแล้ว