ยอดขายไอโฟนพุ่ง 22% ทวิตเตอร์ร่วง
ยอดขายไอโฟน และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น แอ๊ปเปิ้ล ว็อช ขายดี ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้แอ๊ปเปิ้ลมากขึ้น และเปลี่ยนใจจาก “แอนดรอยด์” ขณะที่ทวิตเตอร์รายงานผลประกอบการเดือนก.ย.ดีขึ้น แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ พร้อมหันไปรายงานข่าวกีฬาเพื่อตอบความต้องการผู้บริโภคมากขึ้น
บริษัทแอ๊ปเปิ้ลรายงานผลประกอบการที่พุ่งสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดในไตรมาสที่ 3 อันเป็นผลมาจากยอดขายไอโฟน ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีมีรายได้สูงถึง 51,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลานี้ของปีที่แล้ว
บริษัทขายโทรศัพท์ไอโฟนไปได้มากกว่า 48 ล้านเครื่อง ซึ่งถือเป็น “ไตรมาสที่ 4 ที่ทุบสถิติขายดี”
แต่ถึงอย่างนั้น ก็นับว่าพลาดเป้าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า บริษัทมีรายรับสุทธิอยู่ที่ 11,100 ล้านเหรียญ สำหรับไตรมาสที่ 3 ทำให้ปี 2558 เป็นปีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด
“รายได้ที่สูงขึ้นมาจากยอดขายไอโฟนที่ขายดีติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4 แล้ว ยอดขายที่เพิ่มขึ้นของแอ๊ปเปิ้ล ว็อช คอมพิวเตอร์ตระกูลแมคที่ขายดีตลอดกาล และบริการหลังการขาย”
ตลาดสมาร์ทโฟนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ในจีน ยอดขายของแอ๊ปเปิ้ลพุ่งสูงขึ้นเกือบ 2 เท่าจากปีที่แล้ว ปัจจุบันมีแอ๊ปเปิ้ลสโตร์มากถึง 25 แห่งในจีนและจะเปิดเพิ่มขึ้นอีกเดือนละแห่ง ถึงยอดขายจะลดลงจากไตรมาสที่แล้ว แต่แอ๊ปเปิ้ลก็เคยทำสถิติรายได้สูงถึง 13,200 ล้านเหรียญในจีนมาแล้ว ในไตรมาสปัจจุบันนี้ ทางแอ๊ปเปิ้ลคาดว่า ยอดขายทั่วโลกน่าจะอยู่ระหว่าง 75,500 -77,500 ล้านเหรียญ
นายไบรอัน คอเลลโล นักวิเคราะห์จากมอร์นิ่งสตาร์ กล่าวว่า การคาดการณ์ของบริษัทต่ำกว่าที่ตลาดคาดหวังเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนได้คาดการณ์ไว้ว่า ผลลัพธ์อาจจะแย่กว่านี้ จึงทำให้หุ้นขึ้น 3% หลังจากเปิดตลาดมีเรื่องน่า แปลกใจบางเรื่องเกี่ยวกับผลประกอบการนี้
เรื่องแรกคือ นายทิม คุก CEO ของแอ๊ปเปิ้ล กล่าวว่า จำนวนผู้ซื้อไอโฟนราว 30% คือคนที่เปลี่ยนใจจากแอนดรอยด์ นับเป็นจำนวนที่สูงที่สุดที่เคยมีมา และเรื่องที่ 2 ดูเหมือนว่าบริษัทจะใส่ใจกับฟีเจอร์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในสหรัฐอเมริกา แต่รายได้ 62% กลับมาจากยอดขายนอกประเทศ โดยเฉพาะในจีน
ขณะที่ทวิตเตอร์รายงานว่า รายได้ช่วงไตรมาส 3 ถึงเดือนก.ย.เพิ่มสูงขึ้น แต่ยังต่ำกว่าเป้าที่นักวิเคราะห์ได้ประเมินไว้ เนื่องจากจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ
ผู้ให้บริการโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คชื่อดังเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้ 569 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นถึง 58 % เมื่อเทียบกับรายได้ 361 ล้านเหรียญ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
บริษัทยังรายงานเพิ่มเติมอีกว่า ในปีนี้ จำนวนผู้ใช้ทวิตเตอร์เพิ่มขึ้นถึง 11% เป็น 320 ล้านคนแล้ว
อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ จำนวนผู้ใช้เติบโตเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 1.2% เท่านั้น ซึ่งสร้างความผิดหวังแก่นักลงทุนมาก
รายได้ที่มาจากโฆษณาคือ 513 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นถึง 58% จากรายได้ตลอดทั้งปีที่แล้วคือ 361 ล้านเหรียญ
นายแจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้บริหารทวิตเตอร์ กล่าวว่า “เราพยายามปรับเปลี่ยนโร้ดแม็ป และบริหารงานองค์กรให้ทำงานง่ายขึ้น ให้เหมาะสมขึ้นกับเดิมพันครั้งใหญ่นี้ และเรามีทั้งทวิตเตอร์ เพริสโคป และไวน์ ซึ่งเราเชื่อว่า จะมีโอกาสมหาศาลที่จะทำให้เราเติบโตขึ้นได้อีก”
โฆษณาที่อยู่บนทวิตเตอร์ ระหว่างช่วงเวลาสำคัญของการแข่งขันกีฬาระดับโลก เช่น เบสบอล เป็นจุดขายที่ดีเยี่ยมของบริษัท โดยแคมเปญโฆษณาเหล่านี้จะยังคงมีต่อเนื่องไปตลอดปี 2559
“คุณแทบไม่ต้องทำอะไรเลย แค่คุณออนทวิตเตอร์อยู่ คุณก็จะไม่พลาดข่าวสารในช่วงเวลามันส์ๆ ของกีฬาโปรดของคุณแม้แต่นิดเดียว”
ทวิตเตอร์เองก็พยายามที่จะทำให้คนธรรมดาทั่วไป หันมาติดหนึบกับทวิตเตอร์ให้มากขึ้นในช่วงเวลาที่น่าจดจำเหล่านี้ กีฬาเบสบอล เป็นกีฬาที่ชอบบันทึกสถิติในทุกๆอย่าง มีสถิติที่เกี่ยวข้องกับทวิตเตอร์คือ มีผู้เข้าใช้ สม่ำ เสมอรายเดือน 307 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 3 ล้านคนเท่านั้น นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.นี่ เป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของทวิตเตอร์
รายได้ก้อนโตจากโฆษณาเพียงอย่างเดียว อาจไม่พอที่จะทำให้ผลประกอบการของทวิตเตอร์ดีขึ้น ทวิตเตอร์ คงต้องสร้างสรรค์สิ่งดึงดูดผู้ใช้ที่น่าสนใจใหม่ๆเพิ่มขึ้น เพราะที่ผ่านมา ผู้ใช้งานทวิตเตอร์ก็ทำให้จุดขายของทวิตเตอร์เองนั้นแพร่หลายและจำได้ง่าย เช่น การติดแฮชแท็ก การรีทวีตข้อความ หรือแม้แต่การใช้ @ ภายใต้การบริหารของนายแจ็ค ดอร์ซีย์พันธกิจของทวิตเตอร์คือ ความเรียบง่าย และความรวดเร็ว
นั่นหมายถึงว่า ต้องใช้งานง่าย เผยแพร่ออกไปเร็ว แต่วาทะเด็ดที่มาจากภาพยนตร์เรื่อง เจอร์รี่ แม็คไกวร์ ที่ว่า “โชว์เงินให้ฉันดูหน่อย” น่าจะเป็นสิ่งที่นักลงทุนในวอลสตรีทต้องการจากทวิตเตอร์มากที่สุดในเวลานี้