ท่องเที่ยวไทยบูมหวังกวาดรายได้ 2.5 ล้านล้าน
ท่องเที่ยวไทยปีนี้ ยังบูมสุดขีด รัฐมั่นใจสร้างรายได้แตะ 2.5 ล้านล้านบาท ชู 5 กิจกรรมหลักให้ไทยเป็นศูนย์กลางเดินทางท่องเที่ยวในอาเซียน เชื่อมโยงทั้งทางบก น้ำและอากาศ
“ ในปี 2560 กระทรวงฯ ตั้งเป้าสร้างรายได้ 2.5 ล้านล้านบาท โดยมุ่งให้ประเทศไทยเป็น 5 ศูนย์กลางการเดินทางท่องเที่ยวในอาเซียน” นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยเมื่อวันที่ 9 ม.ค.2560 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ 5 ศูนย์กีฬาที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาให้การสนับสนุนประกอบด้วย การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism), การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical & Wellness), การจัดงานแต่งงาน (Wedding & Romance) เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก World Wedding Congress ในเดือนพ.ค.ที่ภูเก็ต, การท่องเที่ยวทางน้ำ (Maritime Tourism) และการท่องเที่ยวเชื่อมโยง (ASEAN Connect) ทั้งทางรถ มีด่านเชื่อมชายแดนเปิดด่านทางเรือ มีท่าเรือที่รองรับเรือยอช์ทเรือสำราญ และเปิดเส้นทางเชื่อมโยง เมืองท่องเที่ยวชายทะเล เช่น ภูเก็ต สีหนุวิล (กัมพูชา) และฟูก๊วก (เวียดนาม) เป็นต้น ทางอากาศ มีการเพิ่มเที่ยวบินเชื่อมโยง จากเมืองหลักสู่เมืองรองในกลุ่ม CLMV มากยิ่งขึ้น โดยได้รับความรวมมือจากสายการบินต่างๆ โดยจะเน้นให้นักท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์ในท้องถิ่น และเพิ่มวันเข้าพัก
“ เราจะใช้กลยุทธ์ Local Experience ที่เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วิถีถิ่นแบบไทย โดยมุ่งเน้นใน 5 กิจกรรมการท่องเที่ยวหลัก คือ 70 เส้นทางตามรอยพระบาท (Royal Project), การท่องเที่ยวทางรถไฟ (Train Tourism), การท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล (Sports for ALL), การท่องเที่ยวภาคค่ำ(Night Tourism), การจัดประชุมสัมมนา (MICE ) เป็นต้น ”
ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวสะสมจำนวน 31.18 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.26% และก่อให้เกิดรายได้ 1.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.98% โดยมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามามากสุด 8.5 ล้านคน เกาหลีใต้ 1.4 ล้านคน ญี่ปุ่น 1.36 ล้านคน อินเดีย 1.12 ล้านคน ส่วนฝั่งยุโรปก็มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เช่น อังกฤษ 940,000 คน เยอรมัน 780,000 คน สหรัฐอเมริกา 910,000 คน โดยคาดว่า รายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2559 จะเป็นไปตามเป้า 2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งมาตรการเที่ยวช่วยชาติมีส่วนช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวไทยมากกว่าเท่าตัว โดยส่วนใหญ่จะไปท่องเที่ยวในโครงการ 70 เส้นทางตามรอยพระบาท
รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ช่วงวันหยุดยาวเดือนธ.ค.นี้ ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวโครงการพระราชดำริตาม 70 เส้นทางตามรอยพระบาท ทั้งที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เป็นจำนวนมาก เช่น ที่โครงการประตูน้ำคลองลัดโพธิ์ จ.สมุทรปราการ, ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ จ.นครนายก มีคนไปเที่ยวจำนวนมากว่าเดิม 2-3 เท่าตัว, โครงการชั่งหัวมัน อ. ท่ายาง จ.เพชรบุรี ในช่วงวันที่ 1-20 ธันวาคมมีคนเดินทางมากว่า 25,000 คนแล้ว และที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีคนมาเยี่ยมชมในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนจำนวน 14,136 คน และ 23,023 คนตามลำดับ คาดว่าในเดือนธันวาคมจะมีผู้เยี่ยมชมไม่ต่ำกว่า 30,000 คน โดยเฉพาะโครงการในภาคเหนือ
นอกจากนี้ ช่วงใกล้ปีใหม่นี้อยากเชิญชวนคนไทยท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ๆ ที่เรียกว่า การท่องเที่ยวเชิงกีฬา Sport Tourism ฟิตร่างกายอุ่นรับลมหนาวกันข้ามปี เพราะขณะนี้มีกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวไทย โดยดูได้จากข้อมูลล่าสุดในการจัดการแข่งขัน เมืองไทยเชียงใหม่มาราธอนที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2559 ซึ่งพบว่า จำนวนผู้สมัครรวมทั้งหมดทุกระยะทางกว่า 11,000 คน เทียบจากปีที่แล้ว 6,200 คน เพิ่มขึ้นคิดเป็น 78% มีนักวิ่งนานาชาติที่เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้รวม 53 ประเทศ 2,811 คน 5 อันดับชาวต่างชาติ อันดับ 1 จีน 1,461 คน อันดับที่ 2 มาเลเซีย 418 คน อันดับที่ 3 สิงคโปร์ 225 คน อันดับที่ 4 ญี่ปุ่น 119 คน และอันดับที่ 5 อินโดนีเซีย 107 คน มีนักวิ่งชาวไทย 8,189 คน ซึ่งมีนักวิ่งชาวไทยต่างถิ่น จำนวน 6,759 คน และก่อให้เกิดการเที่ยวข้ามภาคอีกด้วย
สำหรับกระแสนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้นมีข้อมูลจากสำนักงานการท่องเที่ยว (ททท.) ในจีน ร่วมกับบริษัทนำเที่ยวในจีนขายแพคเกจเชียงใหม่มาราธอน โดยในวันนี้มีนักวิ่งชาวจีนซื้อแพคเกจมาวิ่งในวันนี้จำนวน 1,754 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ติดตามครอบครัวตามมาเชียร์และเที่ยวด้วยซึ่งรวมผู้ติดตามด้วยแล้วประมาณ 2,000 คน
“การท่องเที่ยวแบบ Sport Tourism ให้อะไรมากกว่าที่คิด เพราะมีประโยชน์หลายด้านและกระทรวงท่องเที่ยวกำลังเร่งส่งเสริมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้จัดกิจกรรม เป็นประโยชน์ทั้งในเรื่องสุขภาพคือการได้ออกกำลังกาย เป็นประ โยชน์ในการฝึกน้ำใจนักกีฬา หากเป็นการวิ่งพร้อมหน้าทั้งครอบครัว ก็จะเป็นการปลูกฝัง ความรักความสัมพันธ์ให้กับคนในครอบครัวอีกด้วย รวมทั้งมีแนวโน้มว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะมาพักเมืองไทยนานขึ้นหากมาด้วยโปรแกรม Sport Tourism” นางกอบกาญจน์ กล่าว
ในปีนี้ (คศ.2560) มีโปรแกรมการวิ่งมาราธอนที่อยากเชิญชวนให้คนไทยและต่างชาติมาร่วมกิจกรรมวิ่งมาราธอนที่จัดขึ้นในสนามต่างๆ ทั่วประเทศ ในเดือน 3 เดือนแรกของปีมีกำหนดการแล้วเกือบ 100 รายการ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. โดยมีนักกีฬาต่างชาติมาร่วมแข่งขันเป็นประจำ เช่น The 19th Amari Watergate Bangkok Midnight Run วันที่ 21 ม.ค. 2560 ณ โรงแรม Amari กรุงเทพฯ, The North Face 100 Thailand 2017 วันที่ 4 ก.พ.2560 ที่ปากช่อง และกรุงเทพมาราธอน BDMS BANGKOK MARATHON 2016 ถนนอุทยาน (อักษะ) วันที่ 5 ก.พ.2560 เป็นต้น
“มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปนั้นจะมีการพัฒนามาตรฐานการให้บริการเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่อง เที่ยว โดยเน้นผู้ประกอบการที่มี 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ถูกกฏหมาย, สะอาด, ปลอดภัย และราคาที่เป็นธรรมคุ้มค่าเงิน” รมว.ท่องเที่ยวและกีฬากล่าวในที่สุด.
ท่องเที่ยวไทยปีนี้ ยังบูมสุดขีด รัฐมั่นใจสร้างรายได้แตะ 2.5 ล้านล้านบาท ชู 5 กิจกรรมหลักให้ไทยเป็นศูนย์กลางเดินทางท่องเที่ยวในอาเซียน เชื่อมโยงทั้งทางบก น้ำและอากาศ
“ ในปี 2560 กระทรวงฯ ตั้งเป้าสร้างรายได้ 2.5 ล้านล้านบาท โดยมุ่งให้ประเทศไทยเป็น 5 ศูนย์กลางการเดินทางท่องเที่ยวในอาเซียน” นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยเมื่อวันที่ 9 ม.ค.2560 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ 5 ศูนย์กีฬาที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาให้การสนับสนุนประกอบด้วย การท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism), การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical & Wellness), การจัดงานแต่งงาน (Wedding & Romance) เตรียมเป็นเจ้าภาพจัดงานระดับโลก World Wedding Congress ในเดือนพ.ค.ที่ภูเก็ต, การท่องเที่ยวทางน้ำ (Maritime Tourism) และการท่องเที่ยวเชื่อมโยง (ASEAN Connect) ทั้งทางรถ มีด่านเชื่อมชายแดนเปิดด่านทางเรือ มีท่าเรือที่รองรับเรือยอช์ทเรือสำราญ และเปิดเส้นทางเชื่อมโยง เมืองท่องเที่ยวชายทะเล เช่น ภูเก็ต สีหนุวิล (กัมพูชา) และฟูก๊วก (เวียดนาม) เป็นต้น ทางอากาศ มีการเพิ่มเที่ยวบินเชื่อมโยง จากเมืองหลักสู่เมืองรองในกลุ่ม CLMV มากยิ่งขึ้น โดยได้รับความรวมมือจากสายการบินต่างๆ โดยจะเน้นให้นักท่องเที่ยวสัมผัสประสบการณ์ในท้องถิ่น และเพิ่มวันเข้าพัก
“ เราจะใช้กลยุทธ์ Local Experience ที่เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วิถีถิ่นแบบไทย โดยมุ่งเน้นใน 5 กิจกรรมการท่องเที่ยวหลัก คือ 70 เส้นทางตามรอยพระบาท (Royal Project), การท่องเที่ยวทางรถไฟ (Train Tourism), การท่องเที่ยวเพื่อคนทั้งมวล (Sports for ALL), การท่องเที่ยวภาคค่ำ(Night Tourism), การจัดประชุมสัมมนา (MICE ) เป็นต้น ”
ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวสะสมจำนวน 31.18 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.26% และก่อให้เกิดรายได้ 1.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.98% โดยมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามามากสุด 8.5 ล้านคน เกาหลีใต้ 1.4 ล้านคน ญี่ปุ่น 1.36 ล้านคน อินเดีย 1.12 ล้านคน ส่วนฝั่งยุโรปก็มีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น เช่น อังกฤษ 940,000 คน เยอรมัน 780,000 คน สหรัฐอเมริกา 910,000 คน โดยคาดว่า รายได้จากการท่องเที่ยวในปี 2559 จะเป็นไปตามเป้า 2.4 ล้านล้านบาท ซึ่งมาตรการเที่ยวช่วยชาติมีส่วนช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวไทยมากกว่าเท่าตัว โดยส่วนใหญ่จะไปท่องเที่ยวในโครงการ 70 เส้นทางตามรอยพระบาท
รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ช่วงวันหยุดยาวเดือนธ.ค.นี้ ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวโครงการพระราชดำริตาม 70 เส้นทางตามรอยพระบาท ทั้งที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เป็นจำนวนมาก เช่น ที่โครงการประตูน้ำคลองลัดโพธิ์ จ.สมุทรปราการ, ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ จ.นครนายก มีคนไปเที่ยวจำนวนมากว่าเดิม 2-3 เท่าตัว, โครงการชั่งหัวมัน อ. ท่ายาง จ.เพชรบุรี ในช่วงวันที่ 1-20 ธันวาคมมีคนเดินทางมากว่า 25,000 คนแล้ว และที่สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง มีคนมาเยี่ยมชมในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนจำนวน 14,136 คน และ 23,023 คนตามลำดับ คาดว่าในเดือนธันวาคมจะมีผู้เยี่ยมชมไม่ต่ำกว่า 30,000 คน โดยเฉพาะโครงการในภาคเหนือ
นอกจากนี้ ช่วงใกล้ปีใหม่นี้อยากเชิญชวนคนไทยท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ๆ ที่เรียกว่า การท่องเที่ยวเชิงกีฬา Sport Tourism ฟิตร่างกายอุ่นรับลมหนาวกันข้ามปี เพราะขณะนี้มีกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวไทย โดยดูได้จากข้อมูลล่าสุดในการจัดการแข่งขัน เมืองไทยเชียงใหม่มาราธอนที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2559 ซึ่งพบว่า จำนวนผู้สมัครรวมทั้งหมดทุกระยะทางกว่า 11,000 คน เทียบจากปีที่แล้ว 6,200 คน เพิ่มขึ้นคิดเป็น 78% มีนักวิ่งนานาชาติที่เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้รวม 53 ประเทศ 2,811 คน 5 อันดับชาวต่างชาติ อันดับ 1 จีน 1,461 คน อันดับที่ 2 มาเลเซีย 418 คน อันดับที่ 3 สิงคโปร์ 225 คน อันดับที่ 4 ญี่ปุ่น 119 คน และอันดับที่ 5 อินโดนีเซีย 107 คน มีนักวิ่งชาวไทย 8,189 คน ซึ่งมีนักวิ่งชาวไทยต่างถิ่น จำนวน 6,759 คน และก่อให้เกิดการเที่ยวข้ามภาคอีกด้วย
สำหรับกระแสนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้นมีข้อมูลจากสำนักงานการท่องเที่ยว (ททท.) ในจีน ร่วมกับบริษัทนำเที่ยวในจีนขายแพคเกจเชียงใหม่มาราธอน โดยในวันนี้มีนักวิ่งชาวจีนซื้อแพคเกจมาวิ่งในวันนี้จำนวน 1,754 คน นอกจากนี้ยังมีผู้ติดตามครอบครัวตามมาเชียร์และเที่ยวด้วยซึ่งรวมผู้ติดตามด้วยแล้วประมาณ 2,000 คน
“การท่องเที่ยวแบบ Sport Tourism ให้อะไรมากกว่าที่คิด เพราะมีประโยชน์หลายด้านและกระทรวงท่องเที่ยวกำลังเร่งส่งเสริมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้จัดกิจกรรม เป็นประโยชน์ทั้งในเรื่องสุขภาพคือการได้ออกกำลังกาย เป็นประ โยชน์ในการฝึกน้ำใจนักกีฬา หากเป็นการวิ่งพร้อมหน้าทั้งครอบครัว ก็จะเป็นการปลูกฝัง ความรักความสัมพันธ์ให้กับคนในครอบครัวอีกด้วย รวมทั้งมีแนวโน้มว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะมาพักเมืองไทยนานขึ้นหากมาด้วยโปรแกรม Sport Tourism” นางกอบกาญจน์ กล่าว
ในปีนี้ (คศ.2560) มีโปรแกรมการวิ่งมาราธอนที่อยากเชิญชวนให้คนไทยและต่างชาติมาร่วมกิจกรรมวิ่งมาราธอนที่จัดขึ้นในสนามต่างๆ ทั่วประเทศ ในเดือน 3 เดือนแรกของปีมีกำหนดการแล้วเกือบ 100 รายการ ตั้งแต่เดือน ม.ค.-มี.ค. โดยมีนักกีฬาต่างชาติมาร่วมแข่งขันเป็นประจำ เช่น The 19th Amari Watergate Bangkok Midnight Run วันที่ 21 ม.ค. 2560 ณ โรงแรม Amari กรุงเทพฯ, The North Face 100 Thailand 2017 วันที่ 4 ก.พ.2560 ที่ปากช่อง และกรุงเทพมาราธอน BDMS BANGKOK MARATHON 2016 ถนนอุทยาน (อักษะ) วันที่ 5 ก.พ.2560 เป็นต้น
“มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปนั้นจะมีการพัฒนามาตรฐานการให้บริการเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของนักท่อง เที่ยว โดยเน้นผู้ประกอบการที่มี 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ถูกกฏหมาย, สะอาด, ปลอดภัย และราคาที่เป็นธรรมคุ้มค่าเงิน” รมว.ท่องเที่ยวและกีฬากล่าวในที่สุด.