หัวเว่ยชี้อาจชะลอตัวเล็กน้อยหลังสหรัฐฯแบน
เมื่อวันที่ 18 พ.ค.เหรินเจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของหัวเว่ยระบุว่า การเติบโตของบริษัท “ อาจชะตัวลง แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ” จากคำสั่งแบนของสหรัฐฯ
จากการให้สัมภาษณ์กับสื่อญี่ปุ่นและรายงานบน s.nikkei.com/2VMJSaT ของนิกเคอิ เอเชียน รีวิว เหรินย้ำว่าหัวเว่ย ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตอุปกรณ์สื่อสารของจีนไม่ได้ละเมิดกฎหมายใดๆ
“ คาดว่าการเติบโตของหัวเว่ยอาจชะลอตัว แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ” เหรินกล่าวกับสื่อญี่ปุ่นในการให้ความเห็นครั้งแรกของเขาหลังจากสหรัฐฯลงนามคำส่งห้ามบริษัทอเมริกันใช้อุปกรณ์สื่อสารของต่างชาติ โดยเสริมว่าการเติบโตประจำปีของบริษัทอาจต่ำกว่าเป้า ประมาณ 20%
เมื่อวันที่ 16 พ.ค.วอชิงตันขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย ทำให้เป็นเรื่องยากสุดๆสำหรับหัวเว่ยที่จะทำธุรกิจกับบริษัทในสหรัฐฯ เป็นการตัดสินใจที่ทำให้จีนไม่พอใจและระบุว่าจะมีมาตรการเพื่อปกป้องบริษัท
กรณีของหัวเว่ยเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างวอชิงตันและปักกิ่งยกระดับขึ้น และท่ามกลางความกังวลจากสหรัฐฯที่ว่า สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์โครงข่ายของหัวเว่ยอาจถูกจีนใช้เป็นเครื่องมือสอดแนมชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นคำกล่าวหาที่บริษัทปฏิเสธมาโดยตลอด
คำสั่งแบนธุรกิจของสหรัฐฯ ที่มีกับบริษัท ZTE เกือบทำให้ธุรกิจของ ZTE (ซึ่งเป็นบริษัทจีนคู่แข่งรายเล็กกว่าหัวเว่ย) พังเมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่สหรัฐฯจะยกเลิกคำสั่งไป โดยเมื่อวันที่ 17 พ.ค. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯระบุว่า อาจลดขนาดการจำกัดหัวเว่ยลง
เหรินระบุว่า บริษัทเตรียมพร้อมสำหรับทุกมาตรการ และหัวเว่ยจะอยู่ได้ แม้บริษัทผลิตชิปสมาร์ทโฟนในสหรัฐฯอย่าง Qualcomm และซัพพลายเออร์อเมริกันรายอื่นจะไม่ขายชิปให้หัวเว่ยก็ตาม
เมื่อวันที่ 17 พ.ค. HiSilicon บริษัทผลิตชิปของหัวเว่ยระบุว่า ได้มีการเตรียมตัวมานานสำหรับสถานการณ์ที่อาจถูกแบนไม่ให้ซื้อชิปและเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ และมีซัพพลายที่มีเสถียรภาพเพียงพอให้กับผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่
อย่างไรก็ตาม ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยระบุว่า บริษัทจะไม่ทำตามรัฐบาลสหรัฐฯ “เราจะไม่เปลี่ยนการบริหารจัดการของเราตามที่สหรัฐฯต้องการ หรือยอมรับการตรวจสอบ อย่างที่ ZTE ทำ”