ฮ่องกงประท้วงหนัก ต้านกม.ห้ามสวมหน้ากาก
เมื่อวันที่ 6 ต.ค.กลุ่มผู้ประท้วงยึดถนนหลายสายเพื่อชุมนุมต่อต้านกฎหมายภาวะฉุกเฉินที่ห้ามสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าในที่สาธารณะ ทำให้เกิดการปะทะกับตำรวจอย่างรุนแรง
คำสั่งห้ามสวมหน้ากากในการชุมนุมในที่สาธารณะ ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 ต.ค.เป็นกฎหมายที่เคยมีการใช้ในสมัยอาณานิคม และผู้ฝ่าฝืนต้องรับโทษจำคุกนานถึง 1 ปี
โดยผู้ชุมนุมหลายพันคนเดินขบวนจากเขตคอสเวย์เบย์ซึ่งเป็นย่านช้อปปิ้งสำคัญไปที่เขตศูนย์กลางธูรกิจ และมีการเดินขบวนแบบเดียวกันนี้ในย่านจิมซาจุ่ย
เครือข่ายรถไฟฟ้าใต้ดินเปิดให้บริการบางส่วนเนื่องจากยังมีความเสียหายกับทรัพยิ์สินที่สถานีซึ่งถูกผู้ประท้วงทุบทำลาย แต่บางสถานีที่ใกล้กับการชุมนุมยังคงปิดให้บริการ
รวมถึงสถานีที่อยู่ใกล้เคียงกับอาคารของรัฐบาลและสถานีตำรวจ ส่งผลกระทบกับประชาชนในการเดินทางในวันเริ่มทำงาน
ขณะที่ผู้ประท้วงจำนวนมากสวมหน้ากากอนามัยแบบธรรมดาเรียบๆ ผู้ประทัวงหลายคนมีความคิดสร้างสรรค์กว่านั้น ด้วยการสวมหน้ากากจากภาพยนตร์ V For Vendetta และตัวละครดังคือ ‘โจ๊กเกอร์’
หลังจากเดินขบวนตากฝนนานหลายชั่วโมง ผู้ประท้วงหลายคนเริ่มขว้างปาก้อนหินเข้าใส่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในย่านว่านไจ๋ ทำให้ตำรวจต้องตอบโต้ด้วยการยิงแก๊สน้ำตามาจากด้านหลังทางเข้าหลักของอาคาร และจากหลังคา
The Hospital Authority ระบุว่า ในเวลา 07.00 น. มีผู้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล 4 รายจากเหตุประท้วงเมื่อวันที่ 6 ต.ค. โดย 3 รายอาการหนัก
มีผู้ชุมนุมบางกลุ่มเข้าไปใกล้กองทัพปลดปล่อยประชาชนของจีนในย่านเกาลูน โดยมีการใช้ปากกาเลเซอร์ยิงเข้าไปที่อาคาร นับเป็นการเผชิญหน้าครั้งแรกของกองทัพกับผู้ประท้วง โดยทางกองทัพโบกธงเหลืองเตือนการจับกุม จากรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์
“ แจ้งเตือน คุณกำลังละเมิดกฎหมาย คุณอาจถูกดำเนินคดี” จากป้ายเตือนเป็นข้อความภาษาอังกฤษและภาษาจีน เหมือนกับที่ตำรวจฮ่องกงใช้ในการสลายการชุมนุม
แม้กองทัพจีนยังคงประจำการในฮ่องกง แต่ก็จะไม่มีปฏิบัติการใดๆจนกว่ารัฐบาลฮ่องกงจะร้องขอความช่วยเหลือ
จากเหตุความวุ่นวายเมื่อวันที่ 5 ต.ค. ห้างสรรพสินค้าและร้านค้ายังคงปิดต่อเนื่องในวันที่ 6 ต.ค.ทั้งห้างโซโก้ , แฟชั่นวอล์ก และเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในย่านคอสเวย์เบย์ รวมถึงห้าง IFC ในย่านเซ็นทรัล โดยห้างโซโก้เป็นจุดตั้งต้นของการเดินขบวนในวันที่ 6 ต.ค.
ฮ่องกงมีเหตุความไม่สงบมานาน 18 สัปดาห์แล้ว หลังจากการประท้วงเริ่มขึ้นในเดือนมิ.ย.เพื่อคัดค้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปจีน แม้รัฐบาลฮ่องกงจะยอมถอย ถอนร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างเป็นทางการ แต่ผู้ประท้วงกลับมีข้อเรียกร้องเพิ่มกับรัฐบาล ทั้งสิทธิ์ในการเลือกตั้งผู้บริหารฮ่องกง และล่าสุดข้อเรียกร้องคือสิทธิ์ในการสวมหน้ากาก
แคร์รี แลม ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกงระบุว่า การห้ามสวมหน้ากากจะเป็นการยุติเหตุความไม่สงบ แต่ความตึงเครียดกลับยิ่งเพิ่มขึ้นหลังรัฐบาลประกาศกฎหมายภาวะฉุกเฉินห้ามสวมหน้ากากเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา