กรมธนารักษ์ ลงนามส่งมอบทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์
ซึ่งตกเป็นของแผ่นดิน ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
กรมธนารักษ์ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ร่วมลงนามในหลักเกณฑ์และวิธีการส่งมอบทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตกเป็นของแผ่นดิน ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อให้การดำเนินการส่งมอบ – รับมอบทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ระหว่างกรมธนารักษ์และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ถูกต้องตามกฎหมาย และกฎระเบียบของทางราชการ
นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า วันนี้ (23 พฤศจิกายน 2561) กรมธนารักษ์ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้ร่วมลงนามในหลักเกณฑ์และวิธีการส่งมอบทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตกเป็นของแผ่นดิน ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ให้แก่กรมธนารักษ์ โดยระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการกับทรัพย์สินที่ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 5 (4) กรณีทรัพย์สินเป็นอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน โรงเรือน สิ่งปลูกสร้าง หรือทรัพย์อันติดอยู่กับที่ดินมีลักษณะเป็นการถาวรหรือประกอบอันเดียวกับที่ดิน และสิ่งซึ่งเป็นส่วนควบของอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว ให้ส่งมอบแก่กรมธนารักษ์ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่อธิบดีกรมธนารักษ์และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กำหนด
อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมธนารักษ์และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ได้พิจารณาและมีความเห็นชอบร่วมกัน แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการส่งมอบทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ กรณีที่ตกเป็นของแผ่นดินตามคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาล ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ให้แก่กรมธนารักษ์ โดยมีอธิบดีกรมธนารักษ์ เป็นประธานคณะทำงาน ที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ ผู้แทนสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนกรมบังคับคดี ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เป็นคณะทำงาน และผู้อำนวยการกองบริหารจัดการกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุ กรมธนารักษ์ เป็นเลขานุการฯ ทั้งนี้ หลักเกณฑ์และวิธีการส่งมอบทรัพย์สินที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตกเป็นของแผ่นดิน ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ให้แก่กรมธนารักษ์ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ได้ลงนามร่วมกันเป็นต้นไป