ชี้”บินฝูงใหม่-บิ๊กโปรเจ็คต์”เอื้อประกันไทย
นายกฯประกันวินาศภัย ชี้แผนจัดซื้อฝูงบินใหม่ของการบินไทยและการลงทุนอภิมหาโปรเจ็คต์กว่า 3 ล้านล้านของภาครัฐ เอื้อต่อการยกระดับอุตสาหกรรมประกันไทย ก้าวสู่ความ “ฮับ” ของอาเซียน วอนกระจายเนื้องานให้บริษัทประกัน “รัฐ-เอกชน” ทั่วถึง
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลมอบนโยบายเพื่อฟื้นฟูกิจการของ บมจ.การบินไทย ก่อนหน้านี้ โดยหนึ่งในนั้น มีแผนจัดซื้อเครื่องบินฝูงใหม่ 23 ลำ มูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท ถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทประกันวินาศภัยไทย ซึ่งแน่นอนว่าโครงการที่มีมูลค่าสูงขนาดนี้ การประกันวินาศภัยย่อมต้องกระจายตัวไปยังบริษัทประกันวินาศภัยต่างๆ ทั้งในส่วนของบริษัทประกันวินาศภัยที่รัฐเป็นเจ้าของหรือถือหุ้นใหญ่ และบริษัทประกันวินาศภัยเอกชน ซึ่งท้ายที่สุด บริษัทประกันวินาศภัยเหล่านั้น คงต้องส่งต่อไปยัง “บริษัทประกันภัยต่อ” (Reinsurance) ในต่างประเทศ จนกว่าแผนการที่รัฐบาลจะดึงให้ “บริษัทประกันภัยต่อ” ชั้นนำของโลก มาตั้งสำนักงานสาขาในไทยจะแล้วเสร็จ
“ส่วนตัวมองว่า การซื้อเครื่องบินพาณิชย์ฝูงใหม่จะทำให้ภาพลักษณ์ความเชื่อมั่นของการบินไทยดีขึ้นอย่างมาก เมื่อรวมกับแผนการฟื้นฟูและการบริหารจัดการที่ดี รวมถึงการทำประกันวินาศภัยในส่วนของตัวเครื่องบิน และการทำประกันภัยส่วนบุคคลให้กับผู้โดยสารทุกคนที่เดินทางโดยสายการบินไทย จะทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจและเชื่อมั่นต่อการบินไทยมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญมันเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมประกันภัยของไทยด้วย”
นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย กล่าวอีกว่า การลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ต่อเนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้ จนถึงแผนงานที่กำลังดำเนินการอยู่และโครงการใหม่ๆ มูลค่ากว่า 3 ล้านล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟรางคู่ ขยายถนนสี่เลน ถนนมอเตอร์เวย์ รถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ฯลฯ รวมถึงโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 3 โครงการท่าเรือมาบตาพุดและแหลมฉบังส่วนต่อขยาย โดยเฉพาะการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ทั้งหมดล้วนส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการประกันภัยของไทยทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลควรกระจายโอกาสให้กับบริษัทประกันภัยอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง โดยคำนึงถึงความพร้อมของบริษัทประกันภัยเหล่านั้นเป็นหลัก ทั้งนี้ เพื่อวางฐานรากสำคัญต่อการจะผลักดันให้ไทย กลายเป็น “ฮับ” (ศูนย์กลาง) ของอุตสาหกรรมประกันภัยในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม) อย่างที่รัฐบาลตั้งใจไว้.