ชี้มะกันเปิดศึกจีน เหตุล้ำหน้า AI-5G
เวทีเสวนา “สงครามการค้าจีน-อเมริกา ฟ้าสว่างหรือทางมืด หลังเวที G 20” แฉ! มะกันหวั่น “จีน-หัวเหว่ย” ล้ำหน้ากว่า เหตุนำ AI ใช้ร่วม 5G ระบุ จ่อเปิดศึกการค้าร่วม “ยุโรป-ญี่ปุ่น” หากแผนขึ้นภาษีรถยนต์ผ่าน เชื่อส่งออกไทยหลุด “ติดลง 1%” เชื่อสงครามการค้าครั้งใหม่ รอวันปะทุ!
สมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับวิทยาลัยบริหารธุรกิจนวัตกรรมและการบัญชี (CIBA) ม.ธุรกิจบัณฑิต จัดเสวนาโต๊ะกลม หัวข้อ “สงครามการค้าจีน-อเมริกา ฟ้าสว่างหรือทางมืด หลังเวที G 20” โดยมี น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ, นางสุจิต ชัยวิชญญาติ ผอ.ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาค สายงานวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ดร.ธารากร วุฒิสถิรกูล รอง ผอ.ศูนย์วิจัยหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไทย-จีน สนง.การวิจัยแห่งชาติ (วช.), น.ส.กัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ปธ.สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) และ ดร.ภูมิพัฒน์ พงศ์พฤฒิกุล นักวิจัยอาวุโส CIBA ร่วมเป็นวิทยากร และมี นายภูวนารถ ณ สงขลา อุปนายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน เป็นผู้ดำเนินรายการ ณ ห้องประชุมสัจจาฯ อาคารอธิบการบดี ม.ธุรกิจบัณฑิต เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา
น.ส.บุษฎี กล่าวตอนหนึ่งว่า การประชุมผู้นำกลุ่ม G 20 ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพและจบลงไปเมื่อปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา แม้จะถูกมองว่าเป็นเพียงพักสงครามเพื่อรอการปะทุครั้งใหม่ แต่สุดท้ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน หรือจีนและไทย รวมถึงสหรัฐฯและไทย จะยังคงต้องดำเนินต่อไป
ด้านนางสุจิต กล่าวว่า สงครามการค้าสหรัฐฯ และจีน ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจและการค้าของโลก รวมถึงนโยบายด้านการเงินอื่นๆ ถือเป็นการ “ซ้ำเติม” ปัญหาเศรษฐกิจของโลก หลังจากที่ชะลอตัวอยู่แล้ว อีกทั้ง ยังทำให้นโยบายการเงินของรัฐบาลหลายๆ ประเทศ ดำเนินไปในลักษณะ “กลับทิศ” กล่าวคือ เดิมธนาคารสหรัฐฯ (เฟด) มีแผนจะปรับขึ้นดอกเบี้ย ก็กลายเป็นว่า โลกอาจได้เห็นการปรับลดดอกเบี้ยลงถึง 2 ครั้งภายในปีนี้ นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อการส่งออกของหลายๆ ประเทศ รวมถึงไทยด้วย
ส่วน น.ส.กัณญภัค ระบุว่า ผลของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนครั้งนี้ ส่งผลกระทบโดยตรงกับการส่งออกของไทย ซึ่งการที่กระทรวงพาณิชย์เคยคาดการณ์ว่าการส่งออกในปี 62 จะเติบโตที่ระดับ 8% นั้น ในส่วนของภาคเอกชนเห็นต่างตั้งแต่วันแรกๆ ซึ่งจนถึงตอนนี้ เชื่อมั่นว่าอย่างเก่งการส่งออกของไทยในปีนี้ ก็เติบโตที่ระดับ 0% หรือไม่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน แต่มีแนวโน้มว่าจะติดลบ 1% ด้วยซ้ำไป
“สิ่งที่หลายฝ่ายกำลังจับตามองคือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน อาจไม่หยุดอยู่แค่จีน เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯกำลังก่อข้อพิพาทเรื่องการเพิ่มกำแพงภาษีกับผู้ผลิตรถยนต์และส่งออกรถยนต์ไปยังสหรัฐฯ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งนี้จะกระทบกับชาติในกลุ่มยุโรปและญี่ปุ่นตามมา” ปธ.สรท.ย้ำ
ขณะที่ ดร.ธารากร กล่าวตอนหนึ่งว่า อยากเรียกเป็นข้อพิพาททางการค้ามากกว่าจะเป็นสงครามการค้า ระหว่างสหรัฐฯกับจีน เนื่องจากวันนี้ปัญหาได้พัฒนาไปไกลกว่าสงครามการค้า ซึ่งเป็นเรื่องของการตั้งกำแพงภาษีและการกีดกันการค้า เนื่องจากสหรัฐฯไม่สบายใจกรณีบริษัท หัวเหว่ยฯ ของจีน สามารถจะพัฒนาเทคโนโลยี 5G ก้าวหน้าไปมากกว่าทางฝั่งของยุโรปหรืออเมริกา ด้วยการนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ร่วมกับ 5G ขณะที่ รัฐบาลจีนเอง ก็เตรียมนำ AI มาใช้ในการบริหารจัดการและควบคุมการดำเนินงานต่างๆ ภายในสนามบินของกรุงปักกิ่ง ซึ่งจะช่วยให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวสามารถจะตรวจเช็คพาสปอร์ตและทำธุรกรรมอื่นๆ ได้ในทุกพื้นที่ของเมืองหลวงจีน โดยไม่จำเป็นต้องรอเข้ามาดำเนินการในสนามบิน ซึ่งระบบดังกล่าวคาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการภายใน 5 ปีนับจากนี้
“การประกาศนโยบาย Made in China 2025 และ One Belt One Road ของ ปธน.สี เจิ้น ผิง คือ ตัวเร่งที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ นำไปอ้างเพื่อสร้างข้อพิพาททางการค้ากับจีน เนื่องจากกังวลใจกับความก้าวหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ของฝั่งจีน” ผอ.ศูนย์วิจัยฯ จาก วช. ย้ำและว่า จีนที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนานกว่า 5,000 ปี และสูญเสียความเป็นผู้นำ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจไปให้กับทางฝั่งยุโรปและอเมริกา มากกว่า 200 ปี กำลังจะเรียกคืนตำแหน่งผู้นำกลับคืนมาในช่วงเวลาหลังจากนี้
ด้าน ดร.ภูมิพัฒน์ กล่าวเสริมตอนหนึ่งว่า รัฐบาลจีนเรียนรู้การบริหารจัดการบ้านเมือง ผ่านการศึกษาการบริหารประเทศของรัฐบาลประเทศต่างๆ เช่น สิงคโปร์ที่เป็นรัฐเดี่ยว ทำให้ง่ายต่อการบริหารและชี้นำไปในทิศทางเดียวกัน หรือดูที่อินเดียที่เป็นประเทศประชาธิปไตย ประชาชนมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ แต่สุดท้ายก็ประสบปัญหาตามมามากมาย หรือการปิดกั้นข่าวสารของรัสเซีย “ข่าวในไม่ให้ออก ข่าวนอกไม่ให้เข้า” จนประชาชนขาดการรับรู้และพัฒนา รวมถึงอังกฤษที่นำระบบนโยบายสังคมมาใช้กับประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี และรัฐบาลจีนก็นำมาใช้กับคนของตัวเอง
“การเรียนรู้เพื่อนำสิ่งดีๆ และเหมาะสมมาใช้ รวมถึงการไม่นำบางสิ่งมาใช้กับประเทศของตน ถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนทำได้ดีมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่จีนได้พัฒนามาไกลจนถึงจุดนี้” นักวิจัยอาวุโส CIBA ระบุ และว่า ถึงตอนนี้ชาติตะวันออกน่าจะเริ่มมีบทบาททั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม เหนือกว่าชาติตะวันตกแล้ว.