มาเลเซียยืนยันใช้หัวเว่ย
นโยบายต่อต้านหัวเว่ยของสหรัฐฯ ทำให้หลายประเทศต้องทบทวนการใช้งานเทคโทคโนโลยีของหัวเว่ย แต่มาเลเซียไม่ได้เป็นหนึ่งในประเทศเหล่านั้น
“ เราพยายามจะใช้เทคโนโลยีของหัวเว่ยให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดแห่งมาเลเซียระบุเมื่อวันที่ 30 พ.ค.ในกรุงโตเกียว ก่อนที่จะยกย่องความกล้าในการวิจัยของหัวเว่ย
สหรัฐฯ อ้างว่าจีนใช้อุปกรณ์ของหัวเว่ยในการสอดแนมความลับของประเทศอื่น ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่บริษัทหัวเว่ยต้องปฏิเสธซ้ำๆ สหรัฐฯพยายามโน้มน้าวรัฐบาลและบริษัทผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมตัดสินใจลำบากเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์หัวเว่ยในเทคโนโลยียุคหน้าของพวกเขาส่งผลให้บริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่จำนวนหนึ่งได้กีดกันหัวเว่ยโดยไม่ยอมใช้ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ย
ในสัปดาห์นี้ หัวเว่ยต้องพ่ายแพ้ให้กับอิริคสันของสวีเดนและโนเกียของฟินแลนด์ในสัญญา 5G จากซอฟต์แบงค์ ผู้ให้บริการสัญชาติญี่ปุ่น ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยเป็นหุ้นส่วนกับหัวเว่ยในการทดสอบเทคโนโลยี 5G
ก่อนหน้านี้ หัวเว่ยเป็นหุ้นส่วนกับ Maxis ผู้ให้บริการสัญชาติมาเลเซียในการทดลองเทคโนโลยี 5G โดยหัวเว่ยขายสมาร์ทโฟนและมีสำนักงานในมาเลเซีย จากข้อมูลบนเว็บไซต์ของบริษัท
นายกฯ มหาเธร์ส่งสัญญาณว่ารัฐบาลมาเลเซียไม่มีแนวโน้มจะเข้มงวดแม้จะได้รับทราบถึงความกังวลด้านความมั่นคงเกี่ยวกับหัวเว่ย
“ เราเล็กเกินไปที่จะมีผลกระทบ (กับบริษัท)” นายกฯมหาเธร์กล่าว “ ใช่ อาจมีการสอดแนมความลับ แต่มาเลเซียจะมีความลับอะไรให้สืบ ? เราเหมือนหนังสือที่เปิดกว้าง”
Glenn Schloss โฆษกของหัวเว่ยระบุเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ว่า “ เราไม่เคยถูกร้องขอให้ใช้เทคโนโลยีของเรา ในการเข้าถึงหรือจัดหาข้อมูลใดๆ ของพลเมือง หรือองค์กรให้กับรัฐบาล”
สหรัฐฯยังมีนโยบายในการกดดันหัวเว่ยต่อไป โดยรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์สั่งห้ามไม่ให้หน่วยงานรัฐใช้เทคโนโลยีของหัวเว่ย และยังขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยอยู่ในรายชื่อบริษัทต่างชาติที่เป็นภัยต่อความมั่นคง หรือผลประโยชน์ของนโยบายต่างประเทศ ส่งผลทำให้บริษัทอเมริกันทำธุรกิจกับหัวเว่ยไม่ได้
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ไมค์ ปอมเปโอ รมว.กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯระบุระหว่างเยือนเยอรมนีว่า ความพยายามของสหรัฐฯคือ “ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงข่ายข้อมูลของอเมริกันเชื่อถือได้ และจะไม่ตกไปอยู่ในมือของพรรคคอมมิวนิสต์ ”
แต่นายกฯมหาเธร์มองในมุมที่ต่างออกไป เขาระบุว่าความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นเกิดจาก “ความล้ำหน้าอย่างมหาศาล” ของบริษัทจีนที่เหนือกว่าเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
“ หากคุณอยากจะมีสถานการณ์ที่ล้ำหน้ากว่า และคุณไม่ได้ล้ำกว่าจริงๆ และคุณพูดว่า ‘ผมจะแบนคุณ’ นี่ไม่ใช่การแข่งขันแล้ว ”
“ เราต้องยอมรับว่า สหรัฐฯไม่อาจเป็นประเทศชั้นยอดที่มีเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลกไปได้ตลอดกาล ” ผู้นำมาเลเซียเสริม.