หากโจโควีชนะ จะหนุนศก.อินโดฯ
หากประธานาธิบดีโจโค วิโดโด หรือ โจโควี่ ชนะการเลือกตั้งอีกสมัยจะเป็นการเติมเต็มปัจจัยพื้นฐานโดยรวมของนักลงทุนและนักธุรกิจโดยทั่วไป ด้วยการสร้างเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจมหภาค, ความมั่นคงทางกฎหมายและความสอดคล้องของนโยบาย
แม้ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการของอินโดนีเซียจะต้องใช้เวลาประมวลผลอีกประมาณหนึ่งเดือน แต่จากการประเมินคร่าวๆ ชี้ให้เห็นว่าโจโควี่มีคะแนนนำคู่แข่ง มีแนวโน้มที่เขาจะชนะซ้ำรอยการเลือกตั้งคราวที่แล้วอีก
ภาพรวมของการเลือกตั้งที่สงบเรียบร้อยของอินโดนีเซีย ทั้งที่เป็นการเลือกตั้งในวันเดียวที่ซับซ้อนและมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แสดงให้เห็นถึงระบบการจัดการที่ดีของรัฐบาล ซึ่งสะท้อนไปถึงการจัดการในด้านเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของโจโควี่ด้วย โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เขาได้มุ่งเน้นที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ ซึ่งก่อให้เกิดวงรอบทางเศรษฐกิจที่เป็นธรรม และระดับการลงทุนจะฟื้นตัวขึ้นในไม่ช้า หลังมีแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งนานหลายเดือน
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพขนาดใหญ่ได้พัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างเกาะที่ห่างไกล และระหว่างพื้นที่ชนบทกับเมืองบนเกาะสำคัญ การบูรณาการตลาดในประเทศที่พัฒนาขึ้น และลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ลง ส่งผลให้ความสามารถในการแข่งขันแข็งแกร่งขึ้น ทำให้ประเทศดึงดูดนักลงทุนได้มากขึ้น
ขณะที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระดับรองลงมาผ่านการปฏิรูปที่หลากหลายเพื่อสร้างศักยภาพให้สถาบัน เห็นได้ชัดว่า ได้พัฒนาให้เกิดระบบที่มีประสิทธิภาพของการกำกับดูแลกิจการและการออกใบอนุญาตทางธุรกิจ รวมถึงระบบการฝึกอบรมด้านทักษะอาชีพ ปรับปรุงบรรยากาศทางธุรกิจโดยรวม
โดยอันดับของอินโดนีเซียในดัชนีความง่ายในการทำธุรกิจของธนาคารโลกพัฒนาดีขึ้น แม้จะต้องพัฒนาอีกมากเพื่อทำให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆในภูมิภาคอาเซียน
หากโจโควี่ชนะการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 ( ต.ค.62 – 67) เขาจะทำตามสัญญาได้อีกมาก เพราะเขาไม่ต้องประสบกับวงรอบทางการเมืองไปอีก 5 ปี เขาจะมีความมั่นคงทางการเมืองเพื่อการปฏิรูปที่กล้าหาญมากขึ้นและอาจสร้างความเจ็บปวด แต่สำคัญต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น การยกเลิกเงินอุดหนุนค่าเชื้อเพลิง สนับสนุนการพัฒนาพลังงานทดแทน และลดความไม่เท่าเทียมกันด้านการกระจายรายได้และการเป็นเจ้าของสินทรัพย์
โจโควี่จะมีโอกาสมากขึ้นที่จะได้รับการยอมรับทางการเมืองสำหรับการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานที่กล้าหาญของเขา จากผลคะแนนคร่าวๆ พรรคการเมืองผสมของเขาจะครองที่นั่งในสภาได้เป็นส่วนใหญ่
โจโควี่ที่เชื่อมั่นตัวเองมากขึ้น ผู้ซึ่งคงความซื่อสัตย์โดยไม่มีความด่างพร้อย จะยิ่งแน่วแน่ และกล้าที่จะยืนหยัดต่อแรงกดดันจากพรรคการเมือง การล็อบบี้ทางการค้าและธุรกิจ เพื่อทำการปฏิรูปอย่างกล้าหาญ ซึ่งจะทำให้เกิดผลกำไรในระยะยาว แต่จะสร้างความเจ็บปวดบ้างกับค่าใช้จ่ายในระยะสั้น
ดังนั้น เขาจึงควรจัดตั้งคณะรัฐมนตรีที่เป็นมืออาชีพมากขึ้น โดยเฉพาะรัฐมนตรีที่ดูแลด้านนโยบายเศรษฐกิจ โดยที่ผ่านมา เขาได้รับการช่วยเหลือจากทีมจัดการงบประมาณและการจัดการการคลังที่ยังคงเสถียรภาพของเศรษฐกิจมหภาคไว้ได้ ท่ามกลางความวุ่นวายของตลาดระหว่างประเทศ และความผันผวนทั่วโลก
แต่โจโควี่จำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญมากกว่านี้ในหลายด้าน เช่น การค้า อุตสาหกรรม เกษตรกรรมเหมืองแร่ และคมนาคม บางส่วนของนโยบายเศรษฐกิจเป็นเรื่องทางเทคนิคและซับซ้อน การตัดสินใจควรต้องยกให้ผู้เชี่ยวชาญมากกว่านักการเมือง.