มหาเธร์พลิกชนะเลือกตั้งมาเลเซีย
นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคพลิกล็อกพ่ายแพ้การเลือกตั้งของมาเลเซียเมื่อวันที่ 9 พ.ค.ให้กับพรรคแนวร่วมฝ่ายค้านที่นำโดยดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตผู้นำมาเลเซียในวัย 92 ปี ทำให้มหาเธร์กลายเป็นผู้นำประเทศที่มีอายุมากที่สุดในโลกคนใหม่
โดยนายกฯนาจิบ วัย 64 ปีที่พัวพันกับข่าวฉาวเรื่องการทุจริตต้องพ่ายแพ้ให้กับพรรคฝ่ายค้านที่นำโดยมหาเธร์ ซึ่งเคยเป็นผู้นำของมาเลเซียมายาวนานถึง 22 ปีและตัดสินใจออกมาท้าทายนายกฯนาจิบในการเลือกตั้งครั้งที่ 14 ที่ผ่านมา หลังจากเขาวางมือจากการเมืองไปนาน
การพ่ายแพ้ของนาจิบ ทำให้พรรคการเมืองหลักของประเทศอย่างพรรคอัมโน ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดตั้งพรรคแนวร่วมแห่งชาติ Barisan Nasional ต้องพ่ายแพ้อย่างหมดรูปเป็นครั้งแรก จากที่เคยเป็นพรรคผู้นำของมาเลเซียมายาวนานหลังได้รับเอกราชเมื่อ 61 ปีก่อน
จากจำนวนที่นั่งในสภาทั้งหมด 222 ที่นั่ง พรรคแนวร่วมฝ่ายค้านของมหาเธร์กวาดที่นั่งมาได้ถึง 121 ที่นั่ง มากพอที่จะครองเสียงส่วนใหญ่ในสภาและสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ขณะที่พรรคแนวร่วมแห่งชาติ Barisan Nasional ได้ที่นั่งเพียง 79 ที่นั่ง ลดลงมากเมื่อเทียบกับ 133 ที่นั่งที่เคยชนะในการเลือกตั้งเมื่อปี 2556
อ้างอิงจากแถลงการณ์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีประชาชนมาเลเซียมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากกว่า 76% ของจำนวนผู้มีสิทธิทั้งหมด 14.3 ล้านคน โดยมีผู้คนมาใช้สิทธิกันตั้งแต่เช้าเมื่อคูหาเลือกตั้งเปิดในเวลา 08.00 น.และปิดให้ใช้สิทธิในเวลา 17.00 น.
Bridget Welsh ผู้เชี่ยวชาญการเมืองมาเลเซียที่มหาวิทยาลัย John Cabot ให้ความเห็นว่า พรรค Basisan Nasional อาจชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ได้ ถ้าไม่มีผู้นำพรรคชื่อนาจิบ
“ เขาพยายามเล่นเกมการเมืองเรื่องเชื้อชาติ เหมือนที่เขาเคยทำในการเลือกตั้งครั้งก่อน แต่มันไม่ได้ผล นี่เป็นสึนามิของมาเลเซียที่ก้าวข้ามเรื่องเชื้อชาติ เจเนอเรชั่น และปูมหลังทั้งหมด ”
James Chin ผอ.สถาบันเอเชียศึกษาของมหาวิทยาลัย Tasmania เปรียบเทียบแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งของทั้งสองคนเมื่อคืนวันที่ 8 พ.ค.ก่อนการเลือกตั้งไม่กี่ชั่วโมงว่า “ นาจิบเล่นเกมติดสินบนเหมือนเดิม ถ้าคุณเลือกผม ผมจะให้นี่ ให้นั่นกับคุณ ตรงข้ามกับมหาเธร์ ที่เน้นเชิดชูศักดิ์ศรีของชาวมาเลย์ ”
“ ถึงแม้ผู้คนในชนบทจะไม่เข้าใจเรื่องกองทุน 1MDB เท่าไรนัก แต่ก็เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่มีการโกงเกิดขึ้น และชื่อของนาจิบกลายเป็นเรื่องแย่ ”
ก่อนหน้าการเลือกตั้งครั้งนี้ ชื่อเสียงของนาจิบมัวหมอง เพราะมีข่าวที่เขาพัวพันกับการทุจริตในกองทุน 1MDB ซึ่งเป็นกองทุนของรัฐบาล นอกจากนี้ การปรับขึ้นภาษีสินค้าและบริการ (GST) ทำให้ชาวมาเลเซียไม่พอใจ เพราะทำให้ค่าครองชีพพุ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
และก่อนหน้านี้ เขายังได้ออกกฎหมายป้องกันข่าวลวงอย่างรวดเร็ว ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นกฎหมายเพื่อสกัดกั้นผู้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์เขา โดยมหาเธร์เป็นคนแรกที่ถูกสอบสวนภายใต้กฎหมายนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ มหาเธร์ออกมาให้ข่าวว่า เขาสงสัยว่าอาจมีผู้ไม่ประสงค์ดีที่วางแผนก่อวินาศกรรมกับเครื่องบินของเขา
หลังทราบผลการเลือกตั้ง มหาเธร์ให้สัมภาษณ์ถึงชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ว่า เราไม่ได้มาแก้แค้น เราแค่จะมาทวงคืนความยุติธรรมให้กับประเทศเท่านั้น โดยเขาจะเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้นำคนใหม่ของมาเลเซียในวันที่ 11 พ.ค.นี้