“พีระพันธุ์” ไม่ช้า จัดประชุมบอร์ดกองทุนอนุรักษ์พลังงาน
“พีระพันธุ์” ประเดิมนั่งหัวโต๊ะประชุมบอร์ด กองทุนอนุรักษ์ฯ เร่งฟื้นภาพลักษณ์เพื่อขับเคลื่อนประโยชน์งานกองทุนฯ สู่ประชาชน
พีระพันธุ์ เรียกประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน หวังเร่งเคลียร์ปมไม่โปร่งใสฟื้นฟูภาพลักษณ์กองทุนอนุรักษ์ฯ หลังจาก สตง. ยังไม่ได้รับรองงบการเงินของกองทุนฯ ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา พร้อมผลักดันโครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเข้าถึงประชาชนโดยเร็ว เตรียมแก้กฎระเบียบให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายเงินที่ถูกต้องตามกฎหมายยิ่งขึ้น
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ครั้งที่ 1/2567 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีคณะกรรมการที่เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย ปลัดกระทรวงพลังงาน ผู้แทนจากสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ผู้แทนจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนจากเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ผู้แทนจากกรมบัญชีกลาง อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ ประกอบด้วย นายสิทธิเดช พงศ์กิจวรสิน นายบุนยรัชต์ กิติยานันท์ นางฉวีวรรณ สินธวณรงค์ นายสุเวทย์ ธีรวชิรกุล นายอธึก อัศวานันท์ พร้อมด้วยนายรัฐฉัตร ศิริพานิช ผู้จัดการสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งในวันนี้ที่ได้มอบหมายกรอบการดำเนินงานของกองทุนฯ ให้สอดคล้องกับข้อเสนอแนะของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่เคยส่งหนังสือแจ้งมาว่าเกิดความไม่ถูกต้องในการบริหารงานกองทุนในช่วงที่ผ่านมา
กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเป็นทุนหมุนเวียนโดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือหรืออุดหนุนการดำเนินงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พลังงาน ที่ผ่านมามีการตรวจสอบข้อมูลการใช้จ่ายเงินกองทุนอนุรักษ์พลังงาน นับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา ทาง สตง.ยังไม่ได้มีการรับรองงบการเงินกองทุนฯ เนื่องจากมีการตรวจสอบข้อมูลพบว่า บางโครงการที่มีการเสนอมา เมื่อได้รับอนุมัติงบไปแล้ว นำเงินไปใช้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์โครงการที่เสนอมาในครั้งแรก
“การเร่งเข้ามาสะสางปมปัญหาด้านการบริหารงานของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานก็เป็นอีกหนึ่งกลไกขับเคลื่อนนโยบาย รื้อ ลด ปลด สร้าง ที่ผมให้ความสำคัญ เพราะโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับการส่งเสริมจากกองทุน หากดำเนินการได้ตรงตามวัตถุประสงค์จะเกิดประโยชน์ทั้งในมิติสังคม เอื้อประโยชน์ต่อประชาชนในชุมชน มิติเศรษฐกิจของประเทศ และมิติสิ่งแวดล้อม ซึ่งทวีบทบาทมากขึ้นในระดับสากล ซึ่งคาดว่าเร็วๆนี้ จะเห็นการร่างกฎเกณฑ์ใหม่เพื่อใช้ในการพิจารณาโครงการ โดยมุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายเงินที่เป็นไปตามกฎหมาย ตามระเบียบถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนจริงๆ” นายพีระพันธุ์กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : พีระพันธ์ุ “ปลื้ม” ได้ช่วยเหลือประชาชนเกินกว่าที่สัญญาไว้