ข่าวเด่น เย็นนี้ 21 ธ.ค.2566
ถกในสภาเรียบร้อยแล้ว ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลต่างสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือกฎหมาย ‘สมรสเท่าเทียม’ เสนอโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.)
เรื่องที่ 3,484 จุดเด่นสำคัญของร่างฉบับคณะรัฐมนตรี
บุคคล 2 คน ไม่ว่าเพศใดสามารถหมั้นและสมรสกันได้
พ.ร.บ ฉบับนี้ จะให้ผู้ที่มีสถานะบุคคลตามกฏหมายสามารถมีสถานะทางครอบครัวเหมือนกับคู่สมรสชาย – หญิง โดยจะได้รับสิทธิ หน้าที่ และสถานะทางครอบครัวเท่าเทียมกันทุกประการ และจะเปลี่ยนคำเรียกที่ใช้ตามกฏหมายจากคู่สมรส ชาย – หญิง เป็น บุคคล – บุคคล และผู้หมั้น – ผู้รับหมั้น เพื่อให้ครอบคลุมกับทุกบุคคล
เพิ่มเหตุเรียกค่าทดแทน และเหตุฟ้องหย่าให้ครอบคลุมทุกเพศ
กรณีที่คู่สมรสฝ่ายหนึ่งไปมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นเพศใดก็ตาม จะถือเป็นเหตุให้ฟ้องหย่าได้ และเพิ่มเหตุในมาตรา 43 และมาตรา 45 เพื่อให้การฟ้องหย่าสอดคล้องกับลักษณะความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปเป็นระหว่าง ‘คู่สมรส’
จัดการทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการสมรส เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการได้
การจัดการทรัพย์สินสำหรับคู่รักในกลุ่มผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเป็นอุปสรรคใหญ่มาโดยตลอด เมื่อทำให้สถานะของคู่สมรสชัดเจนแล้วจะช่วยให้กับคู่รัก LGBTQIAN+ ให้จัดการทรัพย์สินได้ราบรื่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในแง่เรื่องสิทธิและสวัสดิการ อาทิ การจ่ายเงินบำเหน็จตกทอดตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการที่กำหนดให้จ่ายเงินแก่สามีหรือภริยา กลุ่มคู่รักผู้มีความหลากหลายทางเพศก็จะได้รับสิทธิ
ปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับบิดา มารดา และบุตร ให้สอดคล้องกับความสัมพันธ์ “คู่สมรส”
ร่างกฎหมายฉบันนี้ มีการแก้ไขส่วนที่เกี่ยวข้องกับบิดา มารดา และบุตร ให้ครอบคลุมและสอดคล้องกับการแก้ไขในส่วนอื่นของร่าง พ.ร.บ. ซึ่งในร่างที่มีการเสนอก่อนหน้านี้ไม่ได้แก้ไขในส่วนนี้ โดยจะแก้จาก ‘สามี’ และ ‘ภริยา’ เป็น ‘คู่สมรส’ เพื่อให้มีความหมายครอบคลุมคู่สมรสไม่ว่าจะมีเพศใด
กำหนดให้หน่วยงานรัฐทบทวนกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับรองสิทธิที่เท่าเทียมกัน
เมื่อมีการผ่านร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการตามมาตรา 67 ซึ่งให้หน่วยงานของรัฐทบทวนกฎหมายในความรับผิดชอบที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนี้ เพื่อรองรับสิทธิ หน้าที่ สถานะทางกฎหมาย หรือเรื่องอื่น ๆ ให้แก่คู่สมรสให้สอดคล้องกับการแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้
เรื่องที่ 3,485 นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ลั่น กรณีที่คณะกรรมการค่าจ้าง ยังคงยืนยันให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำปี 67 ตามมติเดิมเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.ว่า คณะกรรมการค่าจ้างมีหน้าที่ทำตามกฏหมาย รัฐบาลไม่สามารถไปแทรกแซงไม่ได้ รัฐบาลเข้าใจว่าสิ่งไหนจะสามารถดำเนินการอะไรได้บ้าง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะไม่หยุดแสดงความคิดเห็น โน้มน้าว เพราะเรื่องแบบนี้สามารถจะพูดคุยกันได้ ดังนั้นไม่มีข้อบังคับไหนที่ระบุว่า ปีหนึ่งให้พิจารณาการขึ้นค่าแรงเพียงครั้งเดียว!!
ประเทศอื่นที่เจริญแล้ว จ่ายค่าแรงหลายพันบาท ทำไมถึงจ่ายได้ เพราะว่า เขามีผู้ประกอบการที่มีความสามารถ เช่น ประเทศมาเลเซีย และสิงค์โปร์ แล้วทำไมธุรกิจถึงไม่เจ๊ง มาถึงตรงนี้ นพวัชร์ ขอพูดสั้นๆ และได้ใจความว่า ค่อยๆพูด ค่อยๆจากันนะขอรับเจ้านาย
เรื่องที่ 3,486 ไม่อยากจะบอกเลยว่าเป็นไปตามที่คิดว่สำหรับเรื่องของราคาน้ำมัน เพราะก่อนหน้านี้ทั้ง ปตท. และบางจาก ต่างประกาศตรึงราคาน้ำมันไม่ปรับขึ้นช่วงปีใหม่ ของปตท.ใจปล้ำให้ 10 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 ธ.ค. 66- 2 ม.ค. 67
ขณะที่บางจากใจไม่ค่อยถึงให้แค่ 6 วัน จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค.66 – 2 ม.ค. 67 แต่ที่ทั้ง 2 ค่ายเหมือนกันคือพร้อมจะลดราคาลงให้เมื่อราคาตลาดโลกลดลง และสิ่งที่ บก.ชวนคุยอยากจะบอกก็คือ
เวลานี้ทั้ง 2 ค่ายเริ่มปรับราคาน้ำมันขึ้นล่วงหน้าแล้วหรือเปล่าน๊ออออออ เพราะ 2 ครั้งที่ขยับก็ขึ้นไปลิตรละเกือบ 1 บาทแล้วสำหรับน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ โดย ณ เวลนี้ราคาน้ำมันขายปลีกในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่นวันพรุ่งนี้ (22 ธ.ค. 66) เฉพาะเบนซิน แก๊สโซฮอล์ จะเป็นดังนี้
เบนซิน ออกเทน 95 ลิตรละ 43.44 บาท ,ซุบเปอร์เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 42.94 บาท (โออาร์) ,แก๊สโซฮอล์ 97 ลิตรละ 47.24 บาท (บางจาก) ,แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 35.55 บาท ,แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 33.78 บาท ,แก๊สโซฮอล์ E20 ลิตรละ 33.44 บาท และแก๊สโซฮอล์ E85 ลิตรละ 33.59 บาท
สิ่งที่อยากจะบอกก็คือนี่ยังเหลือเวลาให้ทั้ง 2 ค่ายขยับได้อีก 1 วันถ้าเป็นไปตามคาดคือวันศุกร์พรุ่งนี้ และจะไปมีผลเช้าวันเสาร์ที่ 23 ธ.ค. 66 ถ้าอยากจะช่วยประชาชนจริง ๆ ก็อย่ามาขยับกันแบบนี้ก่อนที่จะตรึงราคาเลยขอรับ เพราะเหมือนมาโกยตุนไว้ก่อนเลยครับเจ้านาย
เรื่องที่ 3,487 วันนี้(21 ธ.ค.) พี่แป๋ว-นารถนารี รัฐปัตย์ เอ็มดี SME D BANK ออกโรงขานรับนโยบายรัฐ เดินหน้าแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนให้แก่เอสเอ็มอีไทย ออกมาตรการ “3 ลด ปลดหนี้” ทั้งลดเงินผ่อน ลดเงินต้น และลดดอกเบี้ย สร้างโอกาสเริ่มต้นใหม่ พร้อมเดินหน้าธุรกิจได้อีกครั้ง คาดจะช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นลูกค้าธนาคารได้กว่า 38,000 ราย พร้อมกันนี้ลูกค้าธนาคารสามารถแจ้งความประสงค์ได้ภายในเดือนม.ค. 2567 ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ SME D Bank (https://www.smebank.co.th/), LINE Official Account : SME Development Bank และสาขา SME D Bank ทั่วประเทศ เป็นต้น
สรุปข่าวต่างประเทศ
เรื่องที่ 3,488 จีนระงับการผ่อนผันภาษีต่อการนำเข้าสารเคมี 12 ชนิดจากไต้หวันแล้วเพื่อตอบโต้ต่อสิ่งที่จีนมองว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงการค้า โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนถึงกำหนดการเลือกตั้งครั้งสำคัญในไต้หวัน ทั้งนี้ ในวันศุกร์ที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์จีนได้ขยายเวลาการสอบสวนกรณีไต้หวันจำกัดการค้าต่อจีนออกไปถึงวันที่ 12 ม.ค.ปีหน้า เพียงไม่กี่วันก่อนไต้หวันจะจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีและรัฐสภาไต้หวัน
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า สารเคมีที่จะถูกเรียกเก็บภาษีตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.ปีหน้าได้รวมถึงไวนิลคลอไรด์ (vinyl chloride) , โดเดซิลเบนซีน (dodecylbenzene) และสารตั้งต้นของเอทิลีน โพรพิลีน โคโพลิเมอร์ (ethylene propylene copolymer) เป็นต้น
เรื่องที่ 3,489 เว็บไซต์ดาวน์ดีเทกเตอร์ดอตคอม (Downdetector.com) ซึ่งติดตามปัญหาด้านระบบบริการออนไลน์ระบุว่า เอ็กซ์ (X) หรือทวิตเตอร์ และเอ็กซ์โปร (X Pro) หรือทวีตเด็ค (TweetDeck) ประสบปัญหาระบบล่มทั่วโลกในวันนี้ (21 ธ.ค.)
ทั้งนี้ บรรดาผู้ใช้งานต่างไม่สามารถเข้าไปอ่านข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ได้ โดยมีเพียงข้อความที่ระบุว่า “ยินดีต้อนรับสู่เอ็กซ์” ปรากฏบนแพลตฟอร์มเท่านั้น
เรื่องที่ 3,490 นิตยสาร ดิ แอร์ เคอร์เรนท์ (The Air Current) รายงานว่า บริษัทโบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของสหรัฐ ได้รับความเห็นชอบในขั้นตอนสำคัญจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินของจีน ซึ่งทำให้โบอิ้งใกล้จะได้รับอนุญาตให้เริ่มทำการส่งมอบเครื่องบินรุ่น 737 Max ให้กับจีนอีกครั้ง หลังจากที่โบอิ้งถูกระงับการส่งมอบเครื่องบินรุ่นดังกล่าวเป็นเวลานานกว่า 4 ปี
สำหรับโบอิ้งแล้ว การได้กลับมาส่งมอบเครื่องบิน 737 Max ให้กับจีนอีกครั้งถือเป็นการเปิดประตูสู่หนึ่งในตลาดการบินที่สำคัญที่สุดของโลก โดยโบอิ้งคาดการณ์ว่าการส่งมอบเครื่องบินให้กับจีนจะมีสัดส่วนสูงถึง 20% ของอุปสงค์เครื่องบินทั่วโลกจนถึงปี 2585
เรื่องที่ 3,491 “ไชน่า เอาหยวน” ยื่นล้มละลายในสหรัฐอีกราย โดยไชน่า เอาหยวน กรุ๊ป (China Aoyuan Group) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีนและประสบปัญหาการผิดนัดชำระหนี้ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลแขวงนิวยอร์กของสหรัฐเมื่อวานนี้ (20 ธ.ค.) เพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 15 ของกฎหมายล้มละลาย โดยการยื่นคำร้องดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ศาลสหรัฐอนุมัติการปรับโครงสร้างหนี้ในต่างประเทศ และเพื่อป้องกันการถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
เอกสารที่ยื่นต่อศาลแขวงนิวยอร์กระบุว่า คณะผู้บริหารของไชน่า เอาหยวน ได้รับคำแนะนำจากทีมที่ปรึกษาว่าให้ยื่นขออนุมัติการปรับโครงสร้างในฮ่องกง และยื่นขอการผ่อนผันจากศาลแขวงใต้ในรัฐนิวยอร์กของสหรัฐ โดยหากศาลสหรัฐไม่ให้การอนุมัติในเรื่องนี้ ทางบริษัทก็มีความเสี่ยงที่จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัทอาจจะยื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐได้
เรื่องที่ 3,492 อินสตาแกรม เปิดเผยผลสำรวจกลุ่ม Gen Z ในรายงาน “2024 Instagram Trend Talk” เพื่อจับกระแสความนิยมของกลุ่ม Gen Z ในปีหน้า โดยพบว่าคน Gen Z จะให้ความสนใจกับแฟชั่นที่เน้นความยั่งยืนในปีหน้า รวมถึงการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อติดต่อญาติมิตร นิยมเป็นโสด และเน้นพัฒนาตัวเอง โดยมองว่าหนทางที่ดีที่สุดที่จะนำไปสู่ความมั่งคั่งคือการทำอาชีพอิสระ
โดยเทรนด์ทอล์ก (Trend Talk) ของอินสตาแกรมได้จับมือกับ WGSN เพื่อร่วมกันทำผลสำรวจกระแส Gen Z ในสหรัฐ อังกฤษ บราซิล อินเดีย และเกาหลีใต้ ในประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่ แฟชั่น ความงาม โซเชียลมีเดีย การหาคู่ มิตรภาพ และอื่น ๆ
โดยนพวัชร์