กรมศุลกากร สกัดจับ เฮโรอีน โคคาอีน น้ำมันดีเซล
กรมศุลกากร สกัดจับ เฮโรอีน โคคาอีน น้ำมันดีเซล ลักลอบนำเข้าและส่งออกนอกประเทศ
นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ได้ให้ความสำคัญในภารกิจปกป้องสังคม ให้ปราศจากการลักลอบนำเข้าและส่งออกสิ่งผิดกฎหมายและยาเสพติด จึงให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกรมศุลกากร เพิ่มความเข้มงวดเป็นพิเศษในการป้องกัน สกัดกั้นยาเสพติดให้โทษ และบูรณาการกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่นทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง อาทิ ป.ป.ส. บช.ปส. ศรภ. หน่วยงานศุลกากรของไทยในต่างประเทศ ศุลกากรต่างประเทศ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สถานทูตต่าง ๆ องค์การตำรวจสากล (Interpol) สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (Drug Enforcement Administration: DEA) เป็นต้น เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการข่าว ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือและดำเนินงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ และเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 กรมศุลกากรจับกุมการลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร และเตรียมส่งออกไปนอกราชอาณาจักร มีรายละเอียดังนี้
กรมศุลกากร ตรวจยึดเฮโรอีนน้ำหนักรวม 13.945 กิโลกรัม ปลายทางประเทศออสเตรเลีย ณ ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่ของกองสืบสวนและปราบปราม ภายใต้การกำกับดูแลของนายพงศ์เทพ บัวทรัพย์ รองอธิบดี รักษาการที่ปรึกษาด้านการพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร นายถวัลย์ รอดจิตต์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม และนายจักกฤช อุเทนสุต ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมกับชุดปฏิบัติการ AITF (AIRPORT INTERDICTION TASK FORCE) ประกอบด้วย กรมศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ ได้ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการลักลอบส่งของต้องห้ามต้องกำกัดออกนอกราชอาณาจักร จึงทำการตรวจสอบพัสดุลงทะเบียนระหว่างประเทศ สำแดงชนิดสินค้าเป็น WaistBands มีชื่อผู้รับ – ผู้ส่งเดียวกัน ต้นทาง
มาจากเชียงใหม่ ปลายทางรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย จำนวน 40 ห่อ น้ำหนักรวม 69.379 กิโลกรัม ตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เฮโรอีน) ชุกซ่อนภายในเข็มขัด
พยุงหลัง น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 13.945 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 41.84 ล้านบาท ต่อมา กรมศุลกากรได้ยึดโคคาอีนน้ำหนัก 189 กรัม ต้นทางสาธารณรัฐอาเจนตินา มูลค่ากว่า 567,000 บาท ณ คลังสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบของเร่งด่วนระหว่างประเทศต้องสงสัย ว่ามีการซุกซ่อนยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักร สำแดงชนิดสินค้าเป็น KEYCHAINS ต้นทางสาธารณรัฐอาเจนตินา พบยาเสพติดให้โทษประเภท 2 โคคาอีน ในถุงพลาสติก ปิดด้วยเทปกาวสีน้ำตาล ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องกระดาษ ซึ่งได้มีการดัดแปลงให้สามารถใส่สิ่งของดังกล่าวได้ จำนวน 2 ชิ้น น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 189 กรัม
มูลค่ากว่า 567,000 บาท ซึ่งทั้ง 2 กรณี เป็นการกระทำผิดตามมาตรา 242 , 244 ประกอบมาตรา 252 ซึ่งเป็นของอันพึงต้องริบ ตามมาตรา 166 และ มาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 จึงส่งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีต่อไปนอกจากนี้ ในวันเดียวกัน ( 20 กรกฎาคม 2566) กรมศุลกากรได้จับกุมการลักลอบนำน้ำมันดีเซลเข้ามาในราชอาณาจักร จำนวน 10,000 ลิตร มูลค่ากว่า 300,000 บาท ได้ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ซึ่งกรมศุลกากรได้เข้มงวดและให้ความสำคัญในเรื่องการลักลอบนำน้ำมันดีเซลเข้ามาในราชอาณาจักรตลอดมา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปราบปรามเคลื่อนที่เร็ว กองสืบสวนและปราบปราม ภายใต้การกำกับดูแลของนายถวัลย์ รอดจิตต์ ผู้อำนวยการกองสืบสวนและปราบปราม ร่วมกับ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 ภายใต้การกำกับดูแลของนายยุทธนา พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรภาคที่ 4 และด่านศุลกากรท่าอากาศยานหาดใหญ่ เข้าตรวจค้นในพื้นที่ ตำบลบ้านพรุ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เนื่องจากได้รับแจ้งว่า อาจจะมีการลักลอบขนถ่ายน้ำมันดีเซล ที่ยังไม่ได้เสียภาษี หรือผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง
หลังจากที่เข้าไปในพื้นที่ พบสินค้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดดีเซล บรรจุอยู่ในถังขนาด 1,000 ลิตร จำนวน 10 ถัง รวมจำนวน 10,000 ลิตร มูลค่ากว่า 300,000 บาท เบื้องต้นไม่มีหลักฐาน หรือเอกสารผ่านพิธีการศุลกากรมาแสดงการกระทำดังกล่าว เป็นความผิด มาตรา 242 , 246 และมาตรา 252 ซึ่งเป็นของอันพึงต้องริบ ตามมาตรา 166 และ มาตรา 167 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 จึงได้ยึดของกลางดังกล่าวเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป