หนีภัยฝุ่นพิษ PM 2.5 เที่ยวสูดโอโซน แหล่งท่องเที่ยวลับทั่วไทย
คันหน้า คันตา หายใจไม่เต็มปอด หลังจากคนกรุงต้องผจญกับสถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 กันอย่างหนักหน่วง ส่งผลกระทบกระเทือนกับสุขภาพ โดยเฉพาะการหายใจเอาฝุ่นลอองขนาดเล็กเข้าไปสะสมจนมีความเสี่ยงเป็นโรคร้าย ๆ กับตัวเองได้ในอนาคต
ด้วยภาวะสภาพอากาศที่ไม่น่าอภิรมย์ที่กำลังเกิดขึ้นใจกลางประเทศ วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนไปยังแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ชีวิตรอดปลอดจากฝุ่นเล็ก ๆ สามารถสูดอากาศบริสุทธิ์ และท่องเที่ยวกันแบบโลว์คาร์บอน ซึ่งในประเทศไทยมีสถานที่ท่องเที่ยวลับ ๆ แบบนี้อีกหลายแห่งรอให้คนไปเยือนสักครั้งในชีวิต
ส่วนแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสวย ๆ สูดโอโซนกันได้เต็มปอดจะมีที่ไหนบ้างนั้น เราขอแนะนำดังนี้
เที่ยวแบบโลว์คาร์บอน “เกาะหมาก”
เกาะหมาก จังหวัดตราด เป็นเกาะขนาดใหญ่ มีรูปร่างคล้ายดาวสี่แฉก อยู่ระหว่างเกาะช้างกับเกาะกูด ห่างจากฝั่งประมาณ 38 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 9,000 ไร่ มีรูปร่างคล้ายดาวสี่แฉก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสวนมะพร้าว โดยรอบมีอ่าว ชายหาดที่สวยงาม และน้ำใสสะอาดหลายแห่ง เช่น บริเวณอ่าวตานิด อ่าวไผ่ อ่าวโปร่ง อ่าวผาด อ่าวแดง อ่าวส่วนใหญ่ บริเวณชายฝั่งรอบเกาะและเกาะใกล้เคียงพบแนวปะการังที่สมบูรณ์ และสวยงาม
บนเกาะมีที่พักสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย ชุมชนดั้งเดิมบนเกาะหมากส่วนใหญ่เป็นเขมรเชื้อชาติไทยที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานเมื่อครั้งเมืองประจันตคีรีเขตร หรือเกาะกงเป็นของฝรั่งเศสเมื่อปี พ.ศ. 2447 โดยมีหลวงพรหมภักดี ต้นตระกูลตะเวทิกุล เป็นผู้ควบคุมคนจีนบนเกาะกง คนบนเกาะส่วนใหญ่เป็นเครือญาติกัน มีอาชีพเกษตรกรรมทำสวนยางพารา และสวนมะพร้าว จนเกาะหมากได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกมะพร้าวที่สำคัญของจังหวัดตราด
ความที่เกาะหมากไม่ได้มีแหล่งท่องเที่ยวมากเหมือนเกาะอื่น เพราะไม่มีทั้งน้ำตก หรือหาดทรายสวยขึ้นชื่อระดับประเทศ ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทางการเกษตร ที่นี่จึงไม่ใช่ แหล่งท่องเที่ยวที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ครบครัน ไม่มีร้านสะดวกซื้อ ไม่มีเจ็ตสกี ผับ บาร์ คาราโอเกะ แต่ในอีกมุมหนึ่ง ความไม่มีสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทำให้เกาะหมากยังเงียบสงบ ธรรมชาติยังสมบูรณ์จนถึงทุกวันนี้ นักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่ที่มาเยือนเกาะหมากจึงเป็นชาวต่างชาติ ที่ต้องการมาพักผ่อนระยะยาว
ที่สำคัญไปกว่านั้น เพราะปัจจุบัน “เกาะหมาก” ยังได้รับการรับรองมาตรฐานเป็นแหล่งท่องเที่ยวยั่งยืน100 แห่งของโลก หรือ Top 100 ประจำปี 2565 ถือเป็นเกาะต้นแบบแห่งแรกในประเทศไทยในด้านความปลอดภัย และด้านการจัดการขยะ โดยได้รับรางวัลดังกล่าวในเดือนกันยายน 2565 ที่ผ่านมา
ชมสวนมะพร้าว-ล่องเรือตลาดน้ำท่าคา
สถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นั่นคือ ชุมชนท่าคา ตำบลท่าคา อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่ที่ชาวบ้านมีอาชีพ ทำสวนปลูกพืชล้มลุก เช่น หอม กระเทียม พริกสด ฯลฯ ในสมัยก่อนชาวบ้านนำพืชผักผลไม้ในสวนของแต่ละคนที่เหลือจากการเก็บไว้รับประทานในครัวเรือน มาแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งชาวบ้านจะนัดแลกเปลี่ยนสินค้ากัน ในวันขึ้นและแรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ และ 12 ค่ำ โดยการสัญจรทางเรือ เนื่องจากในอดีตยังไม่มีถนน ต่อมาเมื่อมีการแลกเปลี่ยนระหว่างหมู่บ้านอื่นมากขึ้นจึงพัฒนาเป็นตลาดน้ำท่าคาเพิ่มเป็นวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุด นักขัตฤกษ์ สินค้าหลักของชุมชนคือ น้ำตาลสด น้ำตาลมะพร้าว ผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว
ผู้ที่เดินทางไปเยือนจะไดสูดอากาศสดชื่นแบบชาวสวนแม่กลอง พร้อมชม ชิม ช็อป สินค้าชุมชนตลาดน้ำท่าคา (ตลาดน้ำมีทุกวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ และทุกวันขึ้นและแรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ และ 12 ค่ำ) อีกทั้งนังสามาระลงเรือพายชมธรรมชาติริมฝั่งคลอง ไปตามเส้นทางเสด็จประพาสต้น ร.5 ณ บ้านกำนันจัน เป็นบ้านเรือนไทยเก่าแก่ (จองก่อนเข้าชมบ้านกำนันจัน)
นอกจากนี้ยังสามารถเยี่ยมชมกิจกรรมชุมชน ร่วมทำกิจกรรมตามฐานการเรียนรู้ต่างๆของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกร ตลาดน้ำท่าคาจากเรื่องราวของมะพร้าว ชมภูมิปัญญาการทำน้ำตาลมะพร้าว ได้แก่ การขึ้นเก็บน้ำตาลมะพร้าวจากต้น การเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวแบบโบราณ เติมความหวาน เรียนรู้การทำขนมโบราณจากน้ำตาลมะพร้าวท่าคา การจักสานก้านมะพร้าว ภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนท่าคา การจักสานทางมะพร้าวสด นำมาสานเป็นหมวก ตะกร้า และทำเรือดุ๊กดิ๊กจากกาบมะพร้าว เป็นกิจกรรมน่ารัก ๆ ที่ไม่ควรพลาด
สูดอาอาศแบบสวิสเซอร์แลนด์ที่แก่นมะกรูด
บ้านแก่นมะกรูด ตั้งอยู่ในเขตใต้สุดของภาคเหนือและเหนือสุดของภาคกลางที่มีความหลากหลายของชาติพันธุ์ ทั้งไทย จีน มอญ ลาว แขก กะเหรี่ยง ละว้า ขมุ เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ในตำบลแก่นมะกรูด อำเภอบ้านไร่ อยู่บนพื้นที่สูงของจังหวัดอุทัยธานี ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง โดยรอบ ๆ หมู่บ้านมีภูเขาน้อยใหญ่โอบล้อม ตัวหมู่บ้านตั้งอยู่บนความสูงจากน้ำระดับทะเลประมาณ 700 เมตร จึงทำให้ที่นี่มีอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี และถูกยกให้เป็นจุดที่เรียกว่า “หนาวสุดกลางสยาม” อีกด้วย
บ้านแก่นมะกรูด เป็นที่ตั้งโครงการพื้นที่ต้นแบบบูรณาการแก้ไขปัญหา และพัฒนาพื้นที่ ต.แก่นมะกรูด โดยมีมูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ร่วมบูรณาการ การขับเคลื่อนการพัฒนาในพื้นที่ มีอากาศเย็นเกือบตลอดทั้งปี มีสวนดอกไม้และผลไม้เมืองหนาว นานาพรรณ ทั้งลิลลี่ ทิวลิป เบญจมาศหลากสี สตรอว์เบอร์รี ซาโยเต้ กาแฟ กะหล่ำปลีม่วง กะหล่ำปลีหัวใจ ผักสลัด และผักพื้นบ้านมากมาย
อีกทั้งยังมีสวนพฤษศาสตร์ บ้านแก่นมะกรูดถือเป็นสถานที่ยอดนิยมในช่วงฤดูหนาวที่นักท่องเที่ยวได้มาเที่ยว สัมผัสอากาศหนาว เคล้าสายหมอกกับดอกไม้และ ผลไม้เมืองหนาวราวกับว่าได้ไปเยือนภาคเหนือตอนบน จนมีคนพูดว่า “อำเภอบ้านไร่ บรรยากาศเชียงใหม่ ไม่ไกลกรุงเทพฯ”
อาบป่าสูดอากาศบริสุทธิ์พุเตย
อุทยานแห่งชาติพุเตย มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 198,422 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 2 จังหวัด คือ ป่าองค์พระ ป่าเขาพุระกำและป่าเขาห้วยพลู ถือเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ โดยสภาพทั่วไปเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนมีความลาดชันมาก โดยมียอดเขาเทวดา สูงสุด มีระดับความสูง 1,123 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งเทือกเขาเหล่านี้เป็นต้นกำเนิดของลำห้วยที่สำคัญหลายสาย สภาพอากาศโดยทั่วไปของอุทยานแห่งชาติพุเตย อากาศค่อนข้างร้อนในช่วงต้นปี และมีฝนตกชุกตลอดปี โดยเฉพาะช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม จะมีปริมาณน้ำบริเวณน้ำตกไหลมากกว่าปกติ
ทำเลที่ตั้งอุทยานแห่งชาติพุเตย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เดิมทีเป็นวนอุทยานพุเตย และวนอุทยานพุกระทิง ลักษณะพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติพุเตยนั้น เป็นเทือกเขาสูงชันและสลับซับซ้อน มีสัตว์ป่าชุกชุม หมูป่า เก้ง ลิง ชะมด อีเห็น เสือโคร่งเสือดาว เสือดำ ไก่ป่า นกเขาเขียว นกกางเขนดง แซงแซวหางม่วง เหยี่ยวรุ้ง นกเงือก
อุทยานแห่งชาติพุเตยนั้น นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และโดดเด่น ทั้งน้ำตก ถ้ำ ตลอดจนพันธุ์ไม้เด่นอีกหลายชนิด เช่น พระเจ้าห้าพระองค์ ต้นผึ้ง ยางนา ยางน่อง ประดู่ ประดู่ชิงชัน และป่าสนสองใบ ซึ่งควรค่าแก่การอนุรักษ์ หากมาเยือนอุทยานแห่งชาติพุเตย อย่าพลาดสถานที่เด่น ๆ เช่น บ้านห้วยหินดำ, น้ำตกตะเพินคี่ใหญ่, หมู่บ้านกะเหรี่ยงตะเพินคี่, น้ำตกตะเพินคี่น้อย, ยอดเขาเทวดา,ถ้ำตะเพินเงิน, ถ้ำตะเพินทอง, น้ำตกพุกระทิง, ศาลเลาด้าห์, ต้นปรงยักษ์ เป็นต้น
สัมผัสความสบาย คลายเหนื่อยที่ปางอุ๋ง
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งที่สวยงามสงบ อากาศดีติดอันดับต้น ๆ ของประเทศหนึ่งในนั้นต้องมี “ปางอุ๋ง” มีลักษณะเป็น อ่างเก็บน้ำ ขนาดใหญ่ซึ่งอยู่บนยอดเขาสูง คำว่า “ปาง” ซึ่งหมายถึงที่พักของคนทำงานในป่า “อุ๋ง” เป็นภาษาเหนือหมายถึงที่ลุ่มต่ำคล้ายกระทะใบใหญ่มีน้ำขัง รวมกันเป็น ปางอุ๋ง ที่เที่ยวสุดโรแมนติกอันดับต้น ๆ ของแม่ฮ่องสอน ภาพแสงอาทิตย์สาดสะท้อนน่านน้ำ ผสานไอหมอกจางๆ สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนทุกครั้ง
กิจกรรมหลักที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจคือ การล่องแพที่อ่างเก็บน้ำปางอุ๋ง เป็นการท่องชมทัศนียภาพซึ่งถูกโอบล้อมไปด้วยป่าสน สวนดอกไม้ และผลไม้เมืองหนาว เป็นการทัศนาจรแบบใกล้ชิดสายหมอก ที่ลอยล่องขึ้นจากสายน้ำ ให้ความชุ่มฉ่ำกันแบบถึงเนื้อ โดยแพจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 6.00 น. เป็นต้นไป
ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติถ้ำปลา – น้ำตกผาเสื่อ สามารถเที่ยวชมวิถีชีวิตชาวเขาหลากหลายชนเผ่า ชิมกาแฟสดจากสวน ชมธรรมชาติและทัศนียภาพของป่าสนสองใบ สนสามใบล้อมรอบอ่างเก็บน้ำปางตอง และชมสวนไม้ดอกเมืองหนาวที่สวยงาม
แต่ก่อนบริเวณนี้เคยเป็นสถานที่ปลูกฝิ่นของชาวเขา และมีการบุกรุกทำลายป่าอยู่เสมอ จากนั้นพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระราชดำริให้รวบรวมราษฎรบริเวณนั้น พร้อมกับพัฒนาความเป็นอยู่ของพวกเขา ส่งเสริมอาชีพปลูกป่า สร้างอ่างเก็บน้ำ และฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ยั่งยืน ปัจจุบัน ปางอุ๋งได้กลายมาเป็นแหล่งปลูกพืชที่น่าสนใจหลายชนิด เช่น อะโวคาโด พลับ สาลี่ บ๊วย
อีกทั้งยังมีการตกแต่งด้วยสวนไม้ดอกไม้ประดับเมืองหนาว เช่น กุหลาบ ไฮเดรนเยีย พวงแสด มีการปลูกสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ในด้านอาหารและแพทย์แผนไทย ซึ่งกลมกลืนกับพื้นที่สูงและมีอากาศหนาวเย็น และสุดท้ายคือ บ่อเพาะเลี้ยงสัตว์ประจำถิ่นซึ่งกำลังจะสูญพันธ์อย่างเขียดแลว นอกจากกิจกรรมชมหมอกยามเช้าของปางอุ๋งแล้ว นักท่องเที่ยวยังนิยมล่องแพชมทัศนียภาพ ในอ่างเก็บน้ำซึ่งจะมีมีหงส์ดำและหงส์ขาว ที่ได้รับพระราชทานมาจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาเติมความงดงามให้ปางอุ๋งติดตรึงอยู่ในหัวใจ นักท่องเที่ยวไปตราบนานแสนนาน
ขอบคุณข้อมูลและภาพจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา , ททท. และ อพท.