ทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉินสร้างกำแพง
เมื่อวันที่ 15 ก.พ.ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อหาเงินสร้างกำแพงที่เขาสัญญาไว้เพื่อกั้นพรมแดนสหรัฐฯ – เม็กซิโก เนื่องจากไม่ได้รับการอนุมัติจากสภา โดยทางพรรคเดโมแครตชี้ว่าสิ่งที่เขากระทำเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ
โดยประธานาธิบดีทรัมป์เคยพูดไว้ในตอนหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2559 ว่าจะสร้างกำแพงกั้นพรมแดนที่เขาย้ำว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องหยุดการอพยพผิดกฎหมายที่เขากล่าวโทษว่านำอาชญากรรมและยาเสพติดเข้ามาในสหรัฐฯ
ไม่กี่ชั่วโมงหลังผู้นำสหรัฐฯประกาศ ก็มีการยื่นฟ้องในนามเจ้าของที่ดินในเท็กซัส 3 ราย โดยระบุว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินของทรัมป์เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ และกำแพงกั้นพรมแดนจะเป็นการละเมิดกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของพวกเขา
ทั้งนี้ Gavin Newsorn ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียจากพรรคเดโมแครต และ Letitia James อัยการสูงสุดรัฐนิวยอร์กจากพรรคเดโมแครตระบุว่า มีแผนจะยื่นฟ้องทรัมป์ต่อศาลเช่นกัน
ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการประกาศของทรัมป์ คณะกรรมาธิการด้านยุติธรรมของสภาผู้แทนราษฎรระบุว่าจะทำการสอบสวนในคำประกาศภาวะฉุกเฉินนี้เช่นกัน
โดยเมื่อวันที่ 15 ก.พ.ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้ลงนามในกฎหมายงบประมาณของรัฐบาลจากทั้งสองฝ่ายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการชัทดาวน์รัฐบาล โดยการให้งบกับหลายหน่วยงาน ไม่เช่นนั้นอาจต้องปิดทำการในวันที่ 16 ก.พ.
ผู้นำสหรัฐฯทราบดีว่าคำสั่งของเขาจะต้องเผชิญกับการต่อสู้ในศาลยาวนาน
“ ผมคาดว่าจะถูกฟ้อง ผมไม่ควรถูกฟ้อง เราจะชนะในศาลสูงสุด” เขาทำนาย
ถึงแม้ทรัมป์จะระบุว่า จำเป็นต้องมีกำแพงเพื่อควบคุมผู้อพยพและยาเสพติดผิดกฎหมาย แต่จากสถิติชี้ว่า การอพยพผิดกฎหมายผ่านพรมแดนมีตัวเลขต่ำที่สุดในรอบ 20 ปีและมีการขนยาเสพติดจำนวนมากผ่านท่าเรือถูกกฎหมาย เมื่อรับทราบสถิติจากผู้สื่อข่าวที่สวนกุหลาบในทำเนียบขาว ทรัมป์กล่าวว่า สถิติพวกนี้ “ผิด”
เขาประเมินว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินจะช่วยให้มีงบประมาณจำนวน 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับการสร้างกำแพงบางส่วน ประเมินว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการสร้างกำแพงจะสูงถึง 23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ส.ส.จากพรรครีพับลิกันหลายคนแสดงความกังวลกับการประกาศของทรัมป์ แต่หลายคนก็ให้การสนับสนุน ทั้งนี้ ทรัมป์เดินทางไปพักผ่อนที่รีสอร์ทกอล์ฟของเขาในฟลอริดาช่วงสุดสัปดาห์ หลังประกาศภาวะฉุกเฉิน.