บ.สหรัฐฯในจีนเสี่ยง หลังผู้บริหารหัวเหว่ยถูกจับ
เป็นโอกาสดีสำหรับจีนที่จะทำเช่นเดียวกันกับการจับกุมเมิ่งว่านจู ซีเอฟโอของบริษัทยักษ์ใหญ่หัวเหว่ย ด้วยการเข้มงวดกับธุรกิจอเมริกันในจีน เจฟฟ์ มูน อดีตผู้ช่วยผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ในจีนกล่าวกับสื่อ CNBC เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.
โดยเมิ่งว่านจูถูกจับกุมเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ในแคนาดา และจะมีการส่งผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีที่สหรัฐฯ เนื่องจากเธอถูกกล่าวหาว่าละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ
ในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC มูนระบุว่าขณะที่จีนโต้ตอบกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ในหลายช่องทาง การจับกุมผู้บริหารของหัวเหว่ยถือเป็นท่าทีก้าวร้าวจากสหรัฐฯ และอาจทำให้จีนถูกบีบให้ต้องทำอย่างเดียวกันกับบริษัทอเมริกันในจีน
“ บริษัทอเมริกันทุกแห่งที่ทำธุรกิจในจีนมีความเสี่ยงมากขึ้น เพราะกฎหมายจีนมีความกำกวมไม่ชัดเจนอย่างที่สุด ดังนั้น ผู้ที่ทำธุรกิจในจีนต้องทำงานในบรรยากาศของกฎระเบียบที่มืดมน” มูน ซึงเคยทำหน้าที่เป็นอดีตผู้ช่วยผู้แทนการค้าสหรัฐฯในจีนในสมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาให้ความเห็น
“ จีนสามารถคุมเข้มปราบปรามทุกอย่างได้อย่างง่ายดาย เพราะกฎหมายของจีนคลุมเครือมาก และพวกเขาสามารถตีความอย่างไรก็ได้ตามที่ต้องการ” เขาเสริม
การควบคุมตัวเมิ่ง ซึ่งเป็นประธานบริหารฝ่ายการเงินของหัวเหว่ยเกิดขึ้นในวันเดียวกับที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนตกลงสงบศึกสงครามการค้า ทำให้ไม่มีการปรับขึ้นภาษีเพิ่มเติมกับสินค้าของกันและกันเป็นเวลานาน 90 วัน ไม่มีข่าวการประกาศการจับกุมตัวเมิ่งจนกระทั่งวันที่ 5 ธ.ค. จึงมีข่าวแพร่กระจายออกมา
โดยบริษัทหัวเหว่ยกำลังถูกสอบสวนว่าใช้ธนาคาร HSBC ในการทำธุรกรรมผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอิหร่าน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ปัจจุบัน หัวเหว่ย ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในเสิ่นเจิ้น เป็นผู้ขายสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกและเมิ่งเป็นบุตรสาวของผู้ก่อตั้งบริษัท
มูนคิดว่า ทางการสหรัฐฯ ควรพูดคุยกับรัฐบาลแคนาดาเกี่ยวกับการไม่ส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้สหรัฐฯ เพราะหากมีการกระทำเช่นนั้นเกิดขึ้น จะมี “ความเป็นไปได้สูง” ที่จีนจะโต้ตอบด้วยวิธีการเดียวกัน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น “ ทุกอย่างก็จะเริ่มควบคุมไม่ได้ และจะไปถึงขั้นที่การทำข้อตกลงเพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าจะยากขึ้นมาก”
สงครามการค้าทำให้นักลงทุนเริ่มกลัวมากขึ้น และการจับตัวผู้บริหารของหัวเหว่ยยิ่งเพิ่มความกังวลในหมู่นักลงทุนมากขึ้นไปอีก ตลาดหุ้นสหรัฐฯปั่นป่วนเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. หลังในวันที่ 5 ธ.ค. ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 800 จุด.