นายกฯ ฝรั่งเศสงดเก็บภาษีน้ำมันเพิ่ม
นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศสประกาศงดเว้นการเก็บภาษีน้ำมันเพิ่มเติมเป็นเวลานาน 6 เดือน เพื่อหยุดยั้งความรุนแรงจากการประท้วงที่เกิดขึ้นนานหลายสัปดาห์
นายกฯ เอดัว ฟิลลิป ระบุว่า ต้องมีคนรับฟังเสียงของความไม่พอใจจากประชาชน และจะยังไม่มีมาตรการเก็บภาษีน้ำมันเพิ่มเติม จนกว่าจะมีการดีเบตที่เหมาะสมถึงผลกระทบจากภาษี
การประท้วงส่งผลกับหลายเมืองของฝรั่งเศส ทำให้เกิดภาพความเสียหายปรากฎไปทั่วในโลกออนไลน์ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
เริ่มต้นจากการประท้วงของกลุ่ม ‘เสื้อกั๊กเหลือง’ แต่ขณะนี้ได้ขยายตัวเป็นวงกว้าง สะท้อนให้เห็นถึงความโกรธเคืองไม่พอใจของประชาชนจำนวนมากที่มีต่อรัฐบาลฝรั่งเศส
มีผู้เสียชีวิต 3 ราย หลังการประท้วงเริ่มมีความรุนแรงและป่าเถื่อนมากขึ้น โดยเฉพาะที่ผู้ประท้วงทุบรูปปั้นพังเสียหายที่ประตูชัยเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ทำให้มีการประณามการประท้วงจากหลายฝ่าย
ที่เรียกว่า ‘เสื้อกั๊กเหลือง’ เพราะเมื่ออยู่บนถนน จะเป็นเสื้อที่ทุกคนมองเห็นได้ง่าย และต้องพกติดอยู่ในรถยนต์ทุกวันเผื่อกรณีฉุกเฉิน ตามกฎหมายของฝรั่งเศส
ความเคลื่อนไหวของการประท้วงขยายตัวเติบโตขึ้นผ่านโซเชียลมีเดีย และมีผู้สนับสนุนในแวดวงการเมืองจำนวนมาก
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงได้รับเลือกเข้ามาเมื่อ 2 ปีก่อน ด้วยอำนาจจากประชาชนที่หวังจะให้มีการปฏิรูปทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่ความนิยมในตัวเขาดิ่งร่วงลงอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่เดือนนี้ โดยมาครงกล่าวหานักการเมืองฝ่ายค้านที่ฉวยโอกาสเคลื่อนไหวไปกับการประท้วงครั้งนี้เพื่อสกัดกั้นการปฏิรูปประเทศ
นายกฯ ฟิลลิปประกาศหลายมาตรการทางโทรทัศน์ หลังการประชุมของส.ส.จากพรรครัฐบาล คือ พรรค La Republique en Marche
โดยเขาระบุว่า จะงดเว้นการเก็บภาษีน้ำมันเพิ่มเติมเป็นเวลา 6 เดือน รวมถึงการขึ้นค่าไฟฟ้าและแก๊ส และการควบคุมมลพิษที่เข้มงวด
ความเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อกั๊กเหลืองเริ่มต้นขึ้นเป็นการประท้วงการขึ้นภาษีน้ำมันดีเซล ซึ่งรถยนต์ของฝรั่งเศสใช้กันอย่างกว้างขวาง และถูกเก็บภาษีน้อยกว่าน้ำมันชนิดอื่น
โดยประธานาธิบดีมาครง ระบุว่า แรงจูงใจของการเก็บภาษีน้ำมันเพิ่มคือ การแก้ปัญหาสภาพแวดล้อม แต่ผู้ประท้วงโวยว่าเขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ไม่มีที่อยู่อาศัยถาวรในเมืองใด และต้องพึ่งพารถยนต์
ต่อมาการประท้วงขยายวงกลายเป็นความคับข้องใจของประชาชนในหลายประเด็น ทั้งความรู้สึกว่าถูกลดความสำคัญลงในพื้นที่ชนบท ค่าครองชีพที่สูงขึ้น และความไม่พอใจในนโยบายเศรษฐกิจของมาครง
การประท้วงไม่มีแกนนำที่ระบุตัวตนชัดเจน และได้กระแสแรงผ่านโซเชียลมีเดีย มีผู้เข้าร่วมจากทั้งกลุ้มอนารยะซ้ายตกขอบ ไปจนถึงฝ่ายขวาคลั่งชาติ และที่เป็นสายกลางทางการเมืองอีกจำนวนมาก
ในสัปดาห์แรก การชุมนุมเดินขบวนครั้งแรกทั่วประเทศมีผู้เข้าร่วมเกือบ 300,000 คน ในสัปดาห์ต่อมา มีผู้ประท้วงกว่า 106,000 คน และล่าสุดคือวันที่ 1 ธ.ค.มีผู้เข้าร่วมในการประท้วงประมาณ 136,000 คน
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดีเซล ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ชาวฝรั่งเศสใช้มากที่สุด ปรับเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 23% ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.51 ยูโรต่อลิตร ซึ่งเป็นราคาสูงสูดในรอบเกือบ 20 ปี
ราคาน้ำมันโลกขยับขึ้นก่อนจะร่่วงลงมาอีกครั้ง แต่รัฐบาลมาครงปรับขึ้นภาษีการปล่อยมลพิษในปีนี้อีก 7.6 เซนต์ต่อลิตรสำหรับน้ำมันดีเซล และเบนซิน 3.9 เซนต์ต่อลิตร
และการที่มาครงตัดสินใจขึ้นภาษีน้ำมันอีก 6.5 เซนต์สำหรับดีเซล และ 2.9 เซนต์สำหรับเบนซิน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2562 กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับผู้ประท้วงที่ไม่อาจทนได้ต่อไป