รัฐบาลขยายมาตรการเอ็กซิมแบงก์ช่วยผู้ประกอบการปรับปรุงเครื่องจักร
ครม.เห็นชอบขยายระยะเวลาอนุมัติวงเงินโครงการสินเชื่อ EXIM Biz Transformation Loan จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ก.ค. 2565 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2566 ปัจจุบันมีสินเชื่อที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติอีก 3,049 ล้านบาท จากกรอบวงเงินรวม 5,000 ล้านบาท
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบขยายระยะเวลาอนุมัติวงเงินโครงการสินเชื่อ EXIM Biz Transformation Loan ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย(ธสน.) จากเดิมสิ้นสุดวันที่ 31 ก.ค. 2565 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2566 ซึ่งจะช่วยให้สามารถดำเนินการส่งเสริมผู้ประกอบการและให้บริการสินเชื่อได้ตามเป้าหมายภายในกรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันมีสินเชื่อที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติอีกประมาณ 3,049 ล้านบาท และยังเป็นการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการในการประกอบธุรกิจ และพัฒนาศักยภาพการผลิตในภาคการส่งออกของประเทศไทย
สำหรับโครงการสินเชื่อ EXIM Biz Transformation Loan มีวัตถุประสงค์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และต้องการปรับปรุงเครื่องจักรหรือลงทุนในเครื่องจักรใหม่ และเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้แก่ผู้ประกอบการที่เริ่มฟื้นตัวให้กลับมาประกอบธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยต้นทุนอัตราดอกเบี้ยที่สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ โดยวงเงินอนุมัติสินเชื่อสูงสุดต่อรายไม่เกิน 100 ล้านบาทระยะเวลาการให้กู้ยืม ไม่เกิน 7 ปี อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-2 อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2, ปีที่ 3-5 อัตราดอกเบี้ย Prime Rate ลบร้อยละ 2 และ ปีที่ 6-7 อัตราดอกเบี้ย Prime Rate ทั้งนี้มีกลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้ประกอบการทุกขนาดธุรกิจ(S/M/L) ที่อยู่ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเน้นอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่(S-Curve) และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบจากโควิด -19 เช่น อุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมอนาคต ได้แก่ หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม(Robotics) อุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมดิจิทัล และอุตสาหกรรมแพทย์ครบวงจร (Medical Hub)
โดยผลการดำเนินงาน EXIM Bizฯ ณ วันที่ 12 ก.ค. 2565 ธสน.ได้อนุมัติสินเชื่อไปแล้วจำนวน 55 ราย เป็นจำนวนเงิน 1,583 ล้านบาท และ ณ สิ้นเดือนพ.ค. 2565 มียอดเบิกใช้วงเงินจำนวน 15 ราย จำนวนเงิน 299 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณาอนุมัติสินเชื่ออีกจำนวน 3,049 ล้านบาท