CardX เรือธงหลักของกลุ่มเอสซีบี เอกซ์ พร้อมทะยานสู่แพลตฟอร์มการเงินแห่งอนาคต
จากแผนการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจทางการเงินเอสซีบี เอกซ์ เมื่อปลายปี 2564 หนึ่งในยุทธศาสตร์หลักคือ การส่ง CardX (คาร์ดเอกซ์) ออกมาจากธุรกิจธนาคาร เพื่อนำการให้บริการบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล เข้าสู่โลกแห่งอนาคต ผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่ 1. Artificial Intelligence 2. Digital Platform & Emerging Technologies และ 3. Partner Ecosystem
นายสารัชต์ รัตนาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจุบันมีคนไทยกว่า 20 ล้านคน หรือคิดเป็น 25% ของประชากรทั้งประเทศ ที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบที่ให้บริการโดยสถาบันการเงินได้อย่างเท่าเทียม ด้วยวิสัยทัศน์ของยานแม่เอสซีบี เอกซ์ ที่เล็งเห็นถึงปัญหาความไม่เท่าเทียมนี้ จึงได้ส่งต่อภารกิจสำคัญให้ CardX เข้ามาช่วยสร้างโอกาสที่ดีกว่าให้คนกลุ่มนี้ ผ่านเทคโนโลยีแห่งโลกอนาคต โดยการนำศักยภาพ และขีดความสามารถทางด้าน Artificial Intelligence, Digital Platform & Emerging Technologies รวมถึง Partner Ecosystem มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ง่ายขึ้น เป็นธรรมมากขึ้น มีความปลอดภัย มีอิสรภาพทางการเงินและอำนาจในการจับจ่ายแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน”
ถอดรหัส 3 ยุทธศาสตร์หลัก มุ่งสู่แพลตฟอร์มการเงินแห่งอนาคต
1. ความสามารถทางด้าน Artificial Intelligence (AI) เพื่อทำความเข้าใจลูกค้าในทุกมิติ: วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคผ่าน Advanced AI Analyticsรวมถึงการใช้ข้อมูลทางเลือกอื่นๆ (Alternative Data) เพื่อสร้างเครื่องมือสำหรับ
ตอบโจทย์ความต้องการทางสินเชื่อของลูกค้าแต่ละกลุ่มที่มีความต้องการที่หลากหลายให้ได้มากที่สุด เช่น การใช้ Advanced Credit Decisioning Models, Advanced Personalization Models ให้ครอบคลุมทั้งกลุ่มคนรายได้น้อย กลุ่มคนที่ไม่มีรายได้ประจำ ไม่มีสลิปเงินเดือน กลุ่มคนรุ่นใหม่ และกลุ่มคนที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อมาก่อน เพิ่มความรวดเร็วในการได้รับสินเชื่อ โดยตั้งเป้าอนุมัติภายใน 1 นาที
ป้องกันความเสี่ยง และลดโอกาสในการเกิดหนี้เสีย (Advanced Preventive & Repayment Models) โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังเปราะบาง เพื่อให้ลูกค้าทุกคนสามารถชำระสินเชื่อได้เหมาะสมตามกำลังของแต่ละคน
2. Digital Platform and Emerging Technologies: ตอบรับไลฟ์สไตล์ Metaverse & New Generation
ทุ่มงบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท สร้างดิจิทัลแพลตฟอร์ม รองรับทุกความต้องการของลูกค้า และตอบทุกโจทย์ธุรกิจเพื่อเชื่อมต่อประสบการณ์การเงินทั้งในโลก Metaverse และโลกออฟไลน์แบบไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็น
สร้าง Seamless Digital Platform นำเสนอ Hyper-Personalization ผ่าน AI Technology เพื่อการเข้าถึงสินเชื่อและการใช้จ่ายที่ง่าย ตรงใจ ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะตัวของทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ และยังมาพร้อมกับทางเลือกในการจัดการทุกเรื่องการเงิน ด้วย CardX Chatbot ที่สามารถให้คำแนะนำและคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้เสมือนผู้ช่วยส่วนตัวตลอด 24 ชม.
พัฒนาระบบ Cloud Native Infrastructure เพิ่มศักยภาพในการรองรับฐานข้อมูลลูกค้า และประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลจากหลายแหล่งข้อมูล (Data Sources) ได้อย่างเรียลไทม์ (Real Time) ตอบรับ Burst of Demand ของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ไม่สะดุด พร้อมขยายฐานข้อมูลลูกค้าในอนาคตได้อย่างไร้ขีดจำกัด
ออกแบบระบบด้วย Microservices Architecture และ Open API พร้อมสนับสนุนทุกศักยภาพความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการเชื่อมต่อข้อมูล เพื่อยกระดับการให้บริการ รวมถึงนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ถูกใจลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และทันต่อทุกการเปลี่ยนแปลงของตลาดในยุคดิจิทัล (Speed to Market)
3. Partner Ecosystem: สร้างความแข็งแกร่งของ Ecosystem ผ่านเครือข่ายพันธมิตรร้านค้ากว่า 100,000 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุม 12 กลุ่มไลฟ์สไตล์ พร้อมเดินหน้าเพิ่มจำนวนพันธมิตรร้านค้าอีกกว่า 50,000 แห่ง เสริมแกร่งพันธมิตรที่เป็นร้านค้าขนาดเล็ก (SME/ Standalone) และร้านค้าที่ให้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลทั้งไทยและต่างประเทศ รวมถึงพันธมิตรร้านค้าสำหรับสินค้าและบริการที่ใช้รายวัน (Daily Use) พร้อมกันนี้ ยังมีแผนในการพัฒนาบริการ Buy Now Pay Later (BNPL) เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึง และสนุกกับการจับจ่ายใช้สอยได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
นายสารัชต์ กล่าวสรุปว่า “ด้วย 3 กลยุทธ์นี้ เรามั่นใจว่า CardX จะช่วยให้คนไทยอีกกว่า 20 ล้านคน สามารถเข้าถึงแหล่งเงินหรือสินเชื่อในระบบได้อย่างเท่าเทียม ปลอดภัย ทลายทุกข้อจำกัดที่ยุ่งยากและซับซ้อน เป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดย CardX ตั้งเป้าในการก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ด้วยการขยายฐานลูกค้ากว่า 10 ล้านราย สร้างกำไรกว่า 6 พันล้านบาท พร้อมดันพอร์ตธุรกิจของทั้งกลุ่มโต 1.5 แสนล้านบาท ภายในปี 2568 ได้อย่างแน่นอน”
ทั้งนี้ CardX ได้จัดตั้งบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และพร้อมที่จะรับโอนธุรกิจจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) มายัง บริษัท คาร์ด เอกซ์ จำกัด ภายในไตรมาส 4 ปี 2565 นี้