เกาหลีเหนือเปลี่ยนเวลาเท่าเกาหลีใต้
ประธานาธิบดีคิมจองอึนแห่งเกาหลีเหนือระบุว่า เขาจะปรับเวลาของประเทศให้เร็วขึ้น 30 นาทีเพื่อให้สอดคล้องเป็นเวลาเดียวกันกับเวลาของเกาหลีใต้เพื่อให้เห็นชัดเจนถึงท่าทีความประนีประนอมของเกาหลีเหนือหลังการประชุมระหว่างผู้นำสองเกาหลี ทางการเกาหลีใต้รายงานเมื่อวันที่ 29 เม.ย.
ทั้งสองประเทศที่แบ่งแยกกันในคาบสมุทรเกาหลีมีไทม์โซนที่แตกต่างกันในปี 2558 เมื่อเกาหลีเหนือตัดสินใจเปลี่ยนแปลงมาตรฐานเวลาในประเทศตัวเองให้เดินช้ากว่าเวลาของเกาหลีใต้ 30 นาที
ในครั้งนั้น เกาหลีเหนืออ้างถึงเหตุผลในเชิงชาตินิยม โดยระบุว่า จะปรับเปลี่ยนเกาหลีเหนือให้กลับไปอยู่ในไทม์โซนก่อนที่จะถูกญี่ปุ่นยึดครองคาบสมุทรเกาหลีที่ทำให้เกาหลีตกเป็นอาณานิคมของญี่ปุ่นในช่วงปี 2453 – 2488 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปีของการได้รับอิสรภาพจากญี่ปุ่น
โดยประธานาธิบดีคิมให้สัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงเวลาให้กลับไปเหมือนเดิมในระหว่างการประชุมครั้งประวัติศาสตร์กับประธานาธิบดีมุนแจอินของเกาหลีใต้ อ้างอิงจากถ้อยแถลงของโฆษกของประธานาธิบดีมุนแจอิน
ผู้นำของสองเกาหลีมีการประชุมร่วมกัน (ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 3 ระหว่างสองเกาหลี) ที่หมู่บ้านปันมุนจอมในเขตปลอดทหารที่ชายแดน เป็นครั้งแรกที่ประธานาธิบดีคิมเดินเท้าข้ามเข้ามาในฝั่งของเกาหลีใต้ และทั้งสองผู้นำเห็นพ้องที่จะมีการปลดอาวุธนิวเคลียร์และยุติสงครามเกาหลีเป็นการถาวร
ประธานาธิบดีคิมกล่าวว่า เขาพบว่า เขากำลังหัวใจสลายที่ได้เห็นนาฬิกาทั้งสองเรือนที่แขวนประดับอยู่บนผนังห้องประชุมซึ่งแสดงให้เห็นเวลาที่แตกต่างกันของทั้งสองประเทศเกาหลี โฆษกยุนยังชานกล่าว
“ เพราะเราเคยเป็นผู้ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้เวลาของเราแตกต่างไปจากเวลาตามมาตรฐาน เราจึงจะกลับไปใช้เวลาแบบเดิม คุณสามารถประกาศเรื่องนี้ต่อสาธารณะได้เลย ” โฆษกยุนยกคำพูดของประธานาธิบดีคิมมารายงาน
โดยโฆษกยุนของเกาหลีใต้กล่าวยกย่องการเปลี่ยนแปลงเวลาครั้งนี้ว่า เป็นความเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์สำหรับความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นระหว่างเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือ
การเปลี่ยนแปลงเวลาของเกาหลีเหนือในปี 2558 ก่อให้เกิดคำวิพากษ์วิจารณ์จากอดีตประธานาธิบดีพัคกึนฮเย ซึ่งเป็นผู้นำเกาหลีใต้ก่อนหน้าประธานาธิบดีมุน โดยเธอซึ่งมีแนวความคิดแบบอนุรักษ์นิยมมองว่าการเปลี่ยนเวลายิ่งทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างทั้งสองเกาหลีมากยิ่งขึ้น นับตั้งแต่สงครามเกาหลีเป็นต้นมา
โดยทางเทคนิคแล้ว ทั้งสองเกาหลียังคงอยู่ในสงครามอยู่ หลังจากสงครามยุติลงด้วยการพักรบ แทนที่จะเป็นสนธิสัญญาสันติภาพ และในการประชุมเมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีมุนและประธานาธิบดีคิมได้ปฏิญาณว่าจะยุติสงครามเกาหลีอย่างเป็นทางการ.