สรรพสามิตเดินหน้าอุ้มเกษตรกรยาสูบ
ครม.รับลูกกรมสรรพสามิต เดินหน้าอุ้มเกษตรกรยาสูบ ปมลดปริมาณการรับซื้อฯ ครอบคลุมถึงผู้บ่มใบยาอิสระด้วย เผยโอนเงินช่วยเหลือผ่าน ธ.ก.ส. แล้ว 8,333 ราย วงเงิน 73.76 ล้านบาท ที่เหลือจะเร่งจ่ายก่อนสิ้น มี.ค.นี้
ความพยายามที่กรมสรรพสามิตการผลักดันให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบภายใต้สังกัดผู้บ่มอิสระ และผู้บ่มอิสระ ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยา มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบ เฉพาะฤดูการผลิต 2561/2562 นั้น
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.61 ที่เห็นชอบโครงการฯดังกล่าว เนื่องจากโควตาการรับซื้อใบยาสูบลดลง โดยอนุมัติงบประมาณ 159.59 ล้านบาท เพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกร 13,557 ราย ยังไม่ครอบคลุมการช่วยเหลือกลุ่มผู้บ่มใบยาอิสระพันธุ์เวอร์ยิเนียซึ่งได้รับผลกระทบด้วย
ต่อมากรมสรรพสามิตเห็นว่าเพื่อให้โครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบ จากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบเกิดความเป็นธรรมและครอบคลุมทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ จึงได้เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทบทวนโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบดังกล่าว
โดยให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกยาสูบภายใต้สังกัดผู้บ่มอิสระ และผู้บ่มอิสระซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยา มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือจากโครงการฯ ในสัดส่วนตามต้นทุนดำเนินการระหว่างผู้บ่มอิสระกับเกษตรกรผู้เพาะปลูกขายใบยาสด 70 : 30 ของเงินช่วยเหลือสำหรับใบยาเวอร์ยิเนีย 17.50 บาทต่อกิโลกรัม โดยผู้บ่มอิสระได้รับเงินช่วยเหลือ 12.25 บาทต่อกิโลกรัม และเกษตรกรผู้เพาะปลูกขายใบยาสด ได้รับเงินช่วยเหลือ 5.25 บาทต่อกิโลกรัม ภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณโครงการฯ เดิม (159.59 ล้านบาท)
ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบทบทวนโครงการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวตามที่กรมสรรพสามิตเสนอ โดยปัจจุบันโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบได้ช่วยเหลือโดยโอนเงินให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกยาสูบผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธ.ก.ส.) ไปแล้ว 8,333 ราย วงเงิน 73.76 ล้านบาท และในส่วนที่เหลือจะดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือในโครงการให้เสร็จสิ้นภายในเดือนมี.ค.62 ต่อไป.