รัฐแจกเงิน 3.8 หมื่นล้านให้คนจน
ครม.เห็นชอบให้กระทรวงการคลัง ใช้เงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3.8 หมื่นล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจปลายปีต่อเนื่องถึงปีหน้า รับการเลือกตั้งครั้งใหม่ “สศค.” ยันคนจน และคนจนบวกคนชรา ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ ดันจีดีพีโต 0.07% กระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลัง ในการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 4 มาตรการ ได้แก่ 1.มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา 2.มาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วงปลายปีให้แก่ผู้มีรายได้น้อย 3.มาตรการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาล และ 4.ค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับสุขภาพ และมาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย โดยรัฐบาลจะใช้เงินงบประมาณจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม 38,730 ล้านบาท และคาดว่า กระตุ้นเศรษฐกิจไปประมาณ 0.07% (จีดีพี) ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
สำหรับ 4 มาตรการ ประกอบด้วย 1. มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา จะส่งผลให้ผู้มีรายได้น้อยภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐมีภาระค่าครองชีพลดลง โดยกรณีค่าไฟฟ้าให้ใช้ไฟฟ้าในวงเงิน 230 บาทต่อครัว เรือนต่อเดือน กรณีค่าน้ำประปา ให้ใช้น้ำประปาในวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวมีผลตั้ง แต่เดือนธ.ค.2561 ถึงเดือนก.ย.2562 ระยะเวลา 10 เดือน
โดยผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 11.4 ล้านคน และลงทะเบียนเพิ่มเติมภายใต้โครงการไทยนิยมยั่งยืน 3.1 ล้านคน รวมเป็น 14.5 ล้านคน จะได้รับสิทธิจากมาตรการดังกล่าว คิดเป็น 8.2 ล้านครัวเรือน (1 ครัวเรือนใช้ได้เพียง 1 สิทธิ) โดยค่าไฟฟ้านั้น ผู้มีรายได้น้อยใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือนให้ใช้สิทธิค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน (มาตรการบรรเทาค่าครองชีพ) แต่หากใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน ให้ใช้สิทธิตามวงเงินในมาตรการนี้ แต่ต้องไม่เกิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้เกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีรายได้น้อยเป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าเดือนนั้นๆ
ส่วนกรณีค่าน้ำประปา ให้ใช้ในวงเงินไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้เกินวงเงินที่กำหนดผู้มีรายได้น้อยเป็น ผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด โดยให้ผู้มีรายได้น้อยนำใบแจ้งค่าไฟฟ้าและใบแจ้งค่าน้ำประปาไปชำระที่สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานการประปานครหลวง และสำนักงานการประปาส่วนภูมิ ภาค พร้อมทั้งแสดงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเท่านั้น ห้ามจ่ายบิลผ่านธนาคาร หรือเคาร์เตอร์เซอร์วิส
โดยทุกสิ้นเดือนการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค จะส่งบันทึกรายชื่อผู้มีรายได้น้อยที่ใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาภายใต้วงเงินที่กำหนดให้กรมบัญชีกลาง เพื่อที่กรมบัญชีกลางจะนำเงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมมาจ่ายคืนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่องกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ประมาณกลางเดือนของเดือนถัดไป ซึ่งผู้มีรายได้น้อยสามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการผ่านเครื่องรับชำระเงินอัตโนมัติ (อีดีซี) แอปพลิเคชันถุงเงินประชารัฐและถอนเงินสดจากเครื่องถอนเงินอัตโนมัติได้ โดยใช้เงินงบประมาณ 27,060 ล้านบาท
2.มาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในช่วงปลายปีเพื่อสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยมีเงินในการซื้อสินค้าและบริการเพิ่มเติมในเดือนธ.ค.2561 เป็นจำนวน 500 บาทต่อคน (ได้รับครั้งเดียว) เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้มีรายได้น้อยในช่วงปลายปีโดยกรมบัญชีกลางจะนำเงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ใส่ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่องกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งผู้มีรายได้น้อยสามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการผ่านเครื่องรับชำระเงินอัตโนมัติ (อีดีซี) แอปพลิเคชันถุงเงินประชารัฐ และถอนเงินสดจากเครื่องถอนเงินอัตโนมัติได้ ใช้เงินงบประมาณ 7,250 ล้านบาท โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.5 ล้านบาท ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้
ส่วนมาตรการ 3 และมาตรการที่ 4 เป็นมาตรการพิเศษที่มอบให้แก่ผู้สูงอายุเท่านั้น โดยมาตรการที่ 3.คือการช่วยเหลือค่า เดินทางไปรับการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้จำนวน 1,000 บาทต่อคน (ได้ รับครั้งเดียว) โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไประหว่างเดือนธ.ค.2561 ถึงเดือนก.ย.2562 จำนวน 3.5 ล้านคน จะรับประโยชน์จากมาตรการนี้ โดยกรมบัญชีกลางจะนำเงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ใส่ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่องกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งผู้มีรายได้น้อยสามารถใช้ซื้อสินค้าและบริการผ่านเครื่องอีดีซี แอปพลิเคชันถุงเงินประชารัฐและถอนเงินสดจากเครื่องถอนเงินอัตโนมัติได้ ใช้เงินงบประมาณ 3,500 ล้านบาท
และ 4. มาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้านสำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้น จะได้รับเงินค่าเช่าบ้าน 400 บาทต่อคนต่อเดือน ระหว่างเดือนธ.ค.2561 ถึงเดือนก.ย.2562 (รวมระยะเวลา 10 เดือน) ซึ่งคาดว่า ณ เดือนธ.ค.สิ้นเดือนธ.ค. จะมีผู้ได้รับสิทธิ์ 220,000 คน และทยอยเพิ่มเป็น 230,000 คน ณ เดือนก.ย.2562 ใช้เงินงบประมาณ 920 ล้านบาท.