ดัชนีนิกเคอิพุ่งสูงสุดหลังการเลือกตั้ง
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นในวันที่ 23 ต.ค.ทำสถิติพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2539 เป็นต้นมา หลังจากนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย
พรรคเสรีประชาธิปไตยของนายกรัฐมนตรีอาเบะสามารถชนะได้เสียงถึง 2 ใน 3 ของสภาผู้แทนราษฎร ทำให้นโยบายเศรษฐกิจของนายกฯอาเบะ หรือ อาเบะโนมิกส์ ยังคงดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง
โดยดัชนีนิกเคอิเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ในรอบ 15 วันต่อเนื่องกันในแดนบวก โดยดัชนีนิกเคอิพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 239 จุดเมื่อปิดตลาดซื้อขายซึ่งเป็นสถิติที่สูงเป็นประวัติการณ์ของดัชนี และเงินเยนทำสถิติอ่อนค่าลงต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ต่ำที่สุดในรอบ 3 เดือน ช่วยหนุนหุ้นของผู้ส่งออกญี่ปุ่น
เงินเยนที่อ่อนค่ามีแนวโน้มจะช่วยหนุนหุ้นของบริษัทส่งออกของญี่ปุ่น เพราะทำให้สินค้าส่งออกไปขายลูกค้าต่างประเทศของพวกเขามีราคาถูกลง
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นที่พุ่งขึ้นของญี่ปุ่นยังคงสะท้อนตลาดที่มีการเติบโตขึ้นทั่วโลก เนื่องจากตลาดตราสารทุนของญี่ปุ่นกำลังอยู่ในแดนบวกและเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดที่อื่น
หุ้นของบริษัทในอุตสาหกรรมรถยนต์ เช่น นิสสัน มิตซูบิชิ และโซนีพุ่งทะยานขึ้นในช่วงเปิดการซื้อขาย ถึงแม้หุ้นของโตโยต้าจะลดลงหลังจากบริษัทประกาศระงับการผลิตที่โรงงานทุกแห่งเพราะมีไต้ฝุ่นที่มีกำลังแรง
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีอาเบะ หัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LPD) กล่าวว่า การเลือกตั้งเป็นเรื่องแรกและเรื่องสำคัญในการรับมือกับภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ
นักวิเคราะห์คาดว่า ชัยชนะในครั้งนี้ของอาเบะจะทำให้นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลยังคงดำเนินไปได้ตามเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
ตั้งแต่เขาชนะการเลือกตั้งในปี 2555 นายกฯอาเบะได้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ประกอบด้วย 3 หลักการสำคัญคือมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการปฏิรูปโครงสร้าง
โดยนโยบายเศรษฐกิจของเขาที่เรียกกันว่า ‘อาเบะโนมิกส์ ’ เป็นเหมือนการเริ่มต้นกระตุ้นเศรษฐกิจของญี่ปุ่นครั้ง
ใหญ่หลังจากที่ผ่านมาเศรษฐกิจของญี่ปุ่นซบเซามานานกว่าสองทศวรรษ
โดยล่าสุด เศรษฐกิจญี่ปุ่นส่งสัญญาณความมีชีวิตชีวา ด้วยตลาดหุ้นที่แข็งแกร่งในแดนบวก ยกระดับข้อมูลด้านการผลิตและมีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องกันถึง 6 ไตรมาส
“ ส่วนที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนักคือการปฏิรูปโครงสร้าง ผมเดาถึงสิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่หวังไว้ แต่ยังไม่ค่อยเห็นผลเป็นรูปธรรม ” Marcel Thieliant จากแคปปิทัล อิโคโนมิกส์ให้ความเห็น
Thieliant ยังได้ชี้ให้เห็นว่า จะมีแรงต้านทางเศรษฐกิจมากขึ้น หากนายกฯอาเบะจะดำเนินตามแผนการเดิมของเขาที่มุ่งจะปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตอีกครั้งในปี 2562.