ต่างชาติเยือนสหรัฐฯ น้อยลง
จำนวนนักเดินทางนานาชาติที่ไปเยือนสหรัฐฯ ลดลง 4% ในไตรมาสแรกของปี 2560 นี้ โดยนักเดินทางจากกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางลดจำนวนลงมากที่สุด
โดยจำนวนนักเดินทางลดลงหลังจากมีคำเตือนจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเกี่ยวกับผลกระทบด้านลบจากข้อห้ามในการเดินทางที่เพิ่มขึ้นจากคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ
ทั้งนี้ สหรัฐฯ ประกาศกฎระเบียบของการออกวีซ่าใหม่สำหรับ 6 ประเทศมุสลิม และมีคำสั่งห้ามนำคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปขึ้นห้องโดยสารในบางเที่ยวบินเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
เมื่อวันที่ 21 ก.ย. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ชี้แจงปกป้องสถิตินี้ ด้วยการระบุว่า ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางเพิ่มสูงขึ้น โดยปรับเพิ่มขึ้น 3% ในไตรมาสแรกของปี เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
จำนวนชาวต่างชาติที่มาเยือนสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมีเสถียรภาพจากปี 2552 และพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในปี 2558 อ้างอิงจากสำนักงานการเดินทางและท่องเที่ยวแห่งสหรัฐฯ
แต่จำนวนนักเดินทางลดลง 2.4% ในปี 2559 โดยนักเดินทางจากแคนาดาและเม็กซิโกคิดเป็นมากกว่าครึ่งของนักเดินทางทั้งหมด
และในไตรมาสแรกของปี 2560 มีจำนวนนักเดินทางจากนานาประเทศประมาณ 15.8 ล้านคนที่มาเยือนสหรัฐฯ ลดลงประมาณ 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อน อ้างอิงจากรายงาน
จำนวนนักเดินทางจากแคนาดาเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับปีก่อนเป็น 4.6 ล้านคนในระหว่างไตรมาสแรก แต่จำนวนผู้มาเยือนจาก 4 ประเทศตลาดท่องเที่ยวสำคัญอย่าง เม็กซิโก สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และเยอรมนี ลดลงในไตรมาสเดือนม.ค. – มี.ค.
โดยนักเดินทางจากเม็กซิโกลดลง 7.1% มาอยู่ที่ 3.9 ล้านคน นักเดินทางจากสหราชอาณาจักรลดลงถึง 15.5% มาอยู่ที่ 774,800 คน ขณะที่นักเดินทางชาวญี่ปุ่นลดลง 2.1% เป็น 884,900 คน และจำนวนนักเดินทางจากเยอรมนีหดตัวลงเกือบ 12% เหลือประมาณ 360,000 คน
นอกจากนี้ นักเดินทางจากยุโรปลดลงถึง 10% มาอยู่ที่ 2.6 ล้านคน ขณะที่จำนวนนักเดินทางจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางลดฮวบลงถึง 25% เมื่อเทียบกับปี 2559 มาอยู่ที่ 204,000 คน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์เตือนว่า นโยบายของผู้นำสหรัฐฯ กำลังสร้างความเสียหายให้การท่องเที่ยว โดยสหรัฐฯ เป็นประเทศเดียวในกลุ่มประเทศจุดหมายปลายทางสำคัญที่มียอดจองตั๋วเครื่องบินลดลงในชวงครึ่งปีแรกนี้ อ้างอิงจากรายงานของ ForwardKeys เมื่อเดือนมิ.ย.
สายการบินเอมิเรตส์ตัดลดเส้นทางบินบางเส้นทางไปสหรัฐฯ เนื่องจากมีผู้โดยสารลดลงจากกฎข้อบังคับใหม่ แต่ทิม คลาร์ก ประธานเอมิเรตส์เพิ่งแถลงในเดือนก.ย.นี้ว่า ทางสายการบินจะกลับมาให้บริการเส้นทางบินบางเส้นทางที่งดไปภายใน 6 – 9 เดือนหน้า.