จีนมีแผนยกเลิกรถใช้น้ำมัน
ตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างจีนมีแผนจะยกเลิกการผลิตและการขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซิน รวมถึงรถตู้
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมของจีนกล่าวว่า ทางกระทรวงได้เริ่มทำการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะมีผลบังคับใช้ตามกฏหมายเมื่อใด
“ มาตรการเหล่านั้นจะเป็นการนำความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ของประเทศจีน ” รัฐมนตรีช่วยจิ๋นกั๋วบินกล่าวกับสำนักข่าวซินหัว ซึ่งเป็นสำนักข่าวของรัฐบาล
โดยจีนผลิตรถยนต์ได้ทั้งหมด 28 ล้านคันในปี 2559 คิดเป็นเกือบ 1 ใน 3 ของจำนวนรถยนต์ทั่วโลก
ทั้งสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสได้ประกาศแผนที่จะยกเลิกการใช้งานรถยนต์ดีเซลและเบนซินภายในปี 2583 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะลดมลพิษในอากาศและลดการปล่อยไอเสีย
บริษัทผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์วอลโวซึ่งมีเจ้าของเป็นชาวจีนกล่าวเมื่อเดือนก.ค.ว่า รถยนต์รุ่นใหม่ทั้งหมดของบริษัทจะเป็นรถยนต์พลังไฟฟ้า โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ บริษัทจี๋ลี่ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทวอลโว ตั้งเป้าที่จะขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้ได้ถึง 1 ล้านคันภายในปี 2568
นอกจากนี้ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นรวมถึงเรโนลต์ – นิสสัน, ฟอร์ดและเจเนรัล มอเตอร์ต่างกำลังทำงานอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อวางจำพหน่ายในจีน
ผู้ผลิตรถยนต์ต่างแย่งกันเพื่อขอเข้าไปมีส่วนแบ่งในตลาดรถยนต์จีนซึ่งกำลังเติบโตขึ้นก่อนหน้าที่จะมีการนำกฏหมายใหม่เพื่อลดมลพิษในอากาศมาบังคับใช้
จีนต้องการให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดมีสัดส่วนในตลาดรถยนต์จีนอย่างน้อย 1 ใน 5 ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2568
โดยตั้งเป้าว่า จะให้มียอดขายรถยนต์จากแบดเตอรี่ไฟฟ้า หรือรถยนต์ไฮบริดจำนวน 8% ภายในปีหน้า และเพิ่มขึ้นเป็น 12% ภายในปี 2563
ทั้งนี้ นายจิ๋นทำนายว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้ จะสร้างความสับสนอลหม่านให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงจะยังเป็นการแก้ไขปัญหาดีมานด์น้ำมันในจีน โดยในปัจจุบัน ประเทศจีนเป็นผู้บริโภคน้ำมันมากที่สุด รองจากสหรัฐฯ.