ฝรั่งเศสมีแผนแบนรถใช้น้ำมัน
ฝรั่งเศสมีแผนจะห้ามใช้รถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันเบนซินหรือดีเซลภายในปี 2583 ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐมนตรีที่ดูแลระบบนิเวศน์เรียกว่า การปฏิรูป
Nicolas Hulot ประกาศแผนการห้ามใช้พาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงพันธกิจใหม่ของข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เขากล่าวว่า ฝรั่งเศสมีแผนจะกลายเป็นประเทศที่มีค่าคาร์บอนเป็นกลางให้ได้ภายในปี 2593
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน รถยนต์ไฮบริดมีสัดส่วนเป็น 3.5% ของตลาดรถยนต์โดยรวมในฝรั่งเศส และรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีอยู่เพียง 1.2% เท่านั้น แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับรถยนต์ที่ยังใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอยู่ในปี 2583
โดย Hulot ซึ่งเคยเป็นนักรณรงค๋ด้านสิ่งแวดล้อมที่มากประสบการณ์ ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง โดยผู้นำคนใหม่ของฝรั่งเศสได้วิจารณ์นโยบายสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯอย่างเปิดเผย โดยเสียดสีคำพูดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ด้วยว่า นโยบายด้านสิ่งแวดล้อมนี้จะเป็นการ ‘ทำให้โลกของเรายิ่งใหญ่อีกครั้ง ’
“ ฝรั่งเศสตัดสินใจที่จะเป็นประเทศที่มีค่าคาร์บอนเป็นกลางภายในปี 2593 หลังจากการตัดสินใจถอนตัวของสหรัฐฯ” Hulot กล่าว และเสริมว่ารัฐบาลจำเป็นต้องลงทุนเพื่อให้บรรลุตามเป้าที่วางไว้
โดยครัวเรือนที่ยากจนในฝรั่งเศสจะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากภาครัฐเพื่อให้เปลี่ยนมาใช้พาหนะคันใหม่ที่ใช้พลังงานสะอาดแทนคันเก่าที่ปล่อยมลพิษมากกว่า เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม รถยนต์ดั้งเดิมที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมีปริมาณคิดเป็น 95% ของตลาดรถยนต์ยุโรป
เป้าหมายอื่นๆ ตามแผนสิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศสยังรวมถึงการเลิกใช้งานโรงไฟฟ้าถ่านหินภายในปี 2565 ลดการใช้พลังงานนิวเคลียร์ลงเหลือ 50% ของปริมาณทั้งหมดในปี 2568 และยกเลิกใบอนุญาตการสำรวจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติใหม่ทั้งหมด
หลายเมืองใหญ่ของฝรั่งเศสต้องดิ้นรนกับปัญหามลพิษทางอากาศในระดับสูง รวมถึงกรุงปารีส ซึ่งเคยมีค่ามลพิษในระดับสูงสุดในเดือนมี.ค.อยู่หลายวัน
ถึงแม้จะมีมาตรการที่จะลดจำนวนการใช้รถยนต์ลง แต่มลพิษในอากาศยังคงเป็นปัญหาที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา มีหญิงคนหนึ่งที่ยื่นฟ้องรัฐบาลฝรั่งเศสต่อศาลในข้อหาล้มเหลวในการปกป้องสุขภาพของเธอไม่ให้ได้รับผลกระทบจากมลพิษทางอากาศในกรุงปารีส
ในนอร์เวย์ ซึ่งเป็นประเทศผู้นำในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในยุโรป ต้องการให้เปลี่ยนมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวภายในปี 2568 เหมือนกับในเนเธอร์แลนด์ นอกจากนี้ เยอรมนีและอินเดียได้เสนอให้มีการบังคับใช้มาตรการเดียวกันนี้เพื่อให้เป็นไปตามเป้าในปี 2573.