ยุโรปเจอคลื่นความร้อน
ยุโรปเผชิญกับคลื่นความร้อนทั่วทั้งทวีปเมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ทำให้กลายเป็นวันที่ร้อนที่สุดในกรุงลอนดอน นับตั้งแต่ปี 2519 เป็นต้นมา และทำให้โปรตุเกสยังต้องดิ้นรนดับไฟป่า
โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 1,000 นายยังคงระดมกำลังต่อสู้เพื่อควบคุมไฟที่เผาผลาญทำลายพื้นที่ตอนกลางของโปรตุเกสตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 64 ราย
ยังคงมีไฟไหม้ป่า 2 แห่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย.ทางตอนใต้ของโครเอเชีย ทำให้ทางการต้องอพยพนักท่องเที่ยว 800 คน ถึงแม้ตอนนี้จะควบคุมเพลิงได้แล้ว
เนื่องจากซีกโลกเหนือตรงกับตำแหน่งที่ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากที่สุด จึงทำให้เป็นวันที่มีช่วงเวลากลางวันนานที่สุดของปี อุณหภูมิจึงพุ่งขึ้นไปถึง 35 องศาเซลเซียสทั่วยุโรป ทั้งอิตาลี ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ รวมถึงเทือกเขาแอลป์ในสวิตเซอร์แลนด์
นักดับเพลิงในออสเตรียเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีเทศกาลเฉลิมฉลองนักบุญเซนต์จอห์น ที่จะมีคนจุดกองไฟกลางแจ้งนับร้อยซึ่งเป็นประเพณีดั้งเดิมและจะดำเนินไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ ทางการในท้องถิ่นประกาศห้ามปิ้งบาร์บีคิวในที่สาธารณะ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงที่จะเกิดไฟไหม้
ในอิตาลี มีการพยากรณ์อากาศว่า คลื่นความร้อนจะรุนแรงที่สุดในรอบ 15 ปี โดยอุณหภูมิจะสูงกว่าอุณหภูมิเฉลี่ยตามฤดูกาลถึง 8 องศาเซลเซียส มีรายงานว่าในมิลาน อุณหภูมิสูงถึง 39 องศาเซลเซียส และสูงกว่า 30 องศาเซลเซียสบนเทือกเขาแอลป์ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,000 เมตร
อังกฤษเริ่มมีอุณหภูมิสูงกว่า 30 องศาเซลเซียสเป็นวันแรกในเดือนมิ.ย.นับตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา และวัดอุณหภูมิได้ 34 องศาเซลเซียสทางตะวันตกของกรุงลอนดอน ซึ่งจัดว่าสูงที่สุดในเดือนมิ.ย.นับตั้งแต่ปี 2519 เป็นต้นมา
โดยในวันที่ 21 มิ.ย. ฝรั่งเศสก็ต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงถึง 37 องศาใน Centre-Val de Loire ซึ่งเป็นพื้นที่ทางใต้ของกรุงปารีส ขณะที่ปริมาณมลพิษในเมืองหลวงเพิ่มขึ้นจากคลื่นความร้อนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องจำกัดความเร็วในการขับขี่รถยนต์ในบางพื้นที่ และเบี่ยงเส้นทางของรถบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่
ในรัสเซีย พื้นที่ไซบีเรียก็ได้รับผลกระทบจากคลื่นความร้อนด้วยเช่นกัน ด้วยอุณหภูมิที่สูงถุึง 37 องศาในเมือง Krasnoyarsk อ้างอิงจากการรายงานของสถานีโทรทัศน์ Channel One
และที่ตรงกันข้ามอย่างสุดขั้วคือ มีอุณหภูมิเพียง 1 องศาและหิมะตกในเมือง Murmansk ทางตอนเหนือของรัสเซีย ประชาชนจำนวนมากต้องใช้ชีวิตอยู่โดยไม่มีฮีทเตอร์ในแฟลตของพวกเขาเนื่องจากระบบส่วนกลางตัดการทำงานของฮีทเตอร์เพราะเป็นช่วงฤดูร้อน.