บางโพ – บางซ่อน : ไปเรือกลับรถไฟฟ้า

สมัยสิบกว่าปีก่อน การเดินทางจากย่านใจกลางกรุงฯ ไปยังบริเวณพื้นที่ชานเมืองทางด้านทิศเหนือ อย่างย่านบางโพ บางซ่อน ที่มีพื้นที่ติดกับจังหวัดนนทบุรีนั้น ต้องใช้เวลาเดินทางไม่น้อย
แต่ด้วยระบบการคมนาคมที่ดีขึ้นมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ทำให้พื้นที่ย่านนี้ไม่ได้ไกลอย่างที่เคยเป็นอีกแล้ว สำหรับใครที่อยากไปเดินเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศแถวนั้น แนะนำว่าให้ลองเลือกใช้เส้นทางขาไปด้วยบริการเรือด่วนเจ้าพระยา เพื่อไปขึ้นที่ ท่าวัดสร้อยทอง ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนประชาราษฎร์สาย1 (บางโพ) และกลับเข้าย่านใจกลางกรุงด้วยบริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงที่บางซ่อน ก็น่าจะเป็นอีกเส้นทางเดินเที่ยวในวันหยุดที่น่าสนใจไม่น้อย
ไม่ว่าจะใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยาจากท่าใด จุดเริ่มต้นของเส้นทางในทริปนี้ต้องอยู่บริเวณท่าเรือด่วนวัดสร้อยทอง พระอารามหลวงชั้นตรีชนิดสามัญ ซึ่งมีชื่อแต่ดั้งเดิมมีชื่อว่า วัดซ่อนทอง วัดโบราณที่มีชื่อที่มาเกี่ยวโยงไปถึงย่านบางเขน บางซื่อ และบางซ่อน
ตามตำนานเก่าเล่าสืบกันมาว่า กาลครั้งหนึ่งมีท้าวอู่ทองพาข้าราชบริพารอพยพหนีโรคห่ามาจากแดนไกลมาตามลำน้ำ เมื่อผ่านมาแถว ดอนเมือง ก็เจอกับสภาพคลองตื้นเขินมาก ท่านท้าวจึงต้องนำทองคำใส่เรือชะล่าเข็นไปตามคลอง แต่เมื่อเวลาผ่านไปคำว่า ทองเข็น ก็เพี้ยนเสียงกลายเป็น บางเขน ส่วนอีกจุดที่ท้าวอู่ทองเข็นเรือไปถึงแล้วเอาทองคำซ่อนไว้ ต่อมาได้ถูกเรียกขานว่า บางซ่อน ที่ใกล้ๆ กับบางซ่อนมีชุมชนแห่งหนึ่งซึ่งผู้คนมีแต่ความซื่อสัตย์ เวลามีใครมาถามว่า ท้าวอู่ทองนำทองไปซ่อนที่ไหน ชาวบ้านก็จะตอบแบบไม่ปกปิดว่าที่บางซ่อน ต่อมาชุมชนแห่งนั้นก็เลยกลายเป็นที่รู้จักกันในนาม บางซื่อ

ความน่าสนใจของวัดสร้อยทองในวันนี้ นอกจากเป็นจุดขึ้น-ลงเรือด่วนฯ แล้ว ที่ท่าน้ำยังเป็นเขตอภัยทานสำหรับให้อาหารนกพิราบและปลาในแม่น้ำเจ้าพระยา อีกทั้งยังเป็นจุดชมตะวันลับขอบฟ้าข้างสะพานพระราม 6 ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสได้ด้วย
วัดสร้อยทองตั้งอยู่แถวปากคลองวัดเสาหิน (คลองบางซ่อน) ถ้าเดินข้ามสะพานเล็กๆ แล้วเดินลัดเลาะไปตามทางผ่านชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาไปอีกราว 15 นาที ก็จะเจอกับบริเวณท้ายซอย 23 ซึ่งเป็นที่ตั้งแห่ง วัดอนัมนิกายาราม หรือ วัดญวน บางโพ อีกจุดที่น่าแวะเข้าไปชมศิลปะการตกแต่งวัดที่ดูแปลกตา
อารามเก่าแก่แห่งนี้มีชื่อเรียกตามภาษาเวียดนามว่า วัดกว๋างเพื๊อกตื่อ สร้างขึ้นในระหว่างสมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นช่วงที่ องเชียงสือ ราชนัดดาของเจ้าเมืองเว้ และผู้ติดตามจำนวนมาก หนีพวกกบฏจากแผ่นดินเกิดเข้ามาขอพึ่งพระบรมโพธิสมภารในกรุงเทพฯ อยู่นาน 4 ปี ก่อนจะลอบหนีกลับไปเวียดนาม เพื่อกู้บ้านเมืองคืน(ราชาภิเษกพระเจ้าเวียดนามยาลอง ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เหงียน ราชวงศ์สุดท้ายของเวียดนาม) พฤติกรรมครั้งนั้นทำให้กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงขัดเคืองมาก จึงมีคำสั่งให้ย้ายญวนกลุ่มองเชียงสือออกไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บางโพ และนำไปสู่การสร้างศาสนสถานขึ้นในที่สุด
บริเวณรายรอบวัดญวน อุดมไปด้วยโรงเลื่อยไม้เก่าแก่และร้านค้าไม้ บ่งบอกถึงธุรกิจดั้งเดิมของย่านบางโพได้เป็นอย่างดี ที่นี่เป็นแหล่งรวมช่างไม้มานมนานนับตั้งแต่สมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ เพราะมีพื้นที่ชุมชนอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการล่องแพซุง แพไม้ จากเหนือสู่เมืองกรุงในอดีต ทำให้เกิดโรงเลื่อยตั้งบริเวณท่าน้ำเป็นจำนวนมาก ดึงดูดให้ช่างฝีมืองานไม้ย้ายจากย่านวัดสระเกศ สะพานขาว บางลำพู เข้ามาปักหลักทำกินใกล้แหล่งวัตถุดิบส่งผลให้บางโพกลายเป็นแหล่งซื้อ-ขายเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ขึ้นชื่อของเมืองกรุงไปในที่สุด
ถ้าเดินออกทางปากซอย 23 อันเป็นที่ตั้งของวัดญวน แล้วเลี้ยวซ้ายตามถนนประชาราษฎร์สาย 1 ไปทางโรงเรียนโยธินบูรณะ ก็จะเจอกับสามแยกหน้า ตลาดศรีเขมา ตลาดสดเก่าแก่ของย่านนั้น ถ้าข้ามสะพานลอยไปยังอีกฝั่ง ก็จะเจอกับร้าน เย็นตาโฟฮ่องเต้ ศรีย่านเจ้าเก่า ของกินชื่อดังประจำย่านนี้ ส่วนตัวตลาดสดนั้น ก็เหมือนกับทั่วๆ ไป ปัจจุบันบรรยากาศหน้าตลาดค่อนข้างเงียบเหงา อันเป็นผลจากนโยบายกวดขันร้านค้าบนทางเท้าของกทม. นั่นเอง
สิ่งที่น่าสนใจใช้บริการกันเป็นพิเศษ คงเป็นบริการรถซาเล้งตรงหน้าตลาด ซึ่งวิ่งรับ-ส่งผู้โดยสารระหว่างตลาดและชุมชนในซอยสีน้ำเงิน โดยคิดค่าโดยสารเพียงคนละ 5 บาท/เที่ยว

ถ้านั่งซาเล้งนี้ไปจนสุดซอยสีน้ำเงิน ตรงบริเวณริมคลองวัดเสาหิน แล้วเดินเลียบฝั่งคลองไปทางซ้ายมืออีกราวสิบนาที จะเจอกับอุโมงค์ลอดใต้ทางรถไฟที่นำไปสู่บริเวณท้ายตลาดนัดริมทางรถไฟเขตบางซ่อน ซึ่งในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ ได้ถูกพัฒนาให้เป็นแหล่งช้อปกินดื่มแนวย้อนยุคจนกลายเป็นแลนด์มาร์คของย่านบางซ่อน ภายใต้ชื่อว่า ชุมทางสยามยิปซี คนชอบหามุมถ่ายรูปแบบคลาสสิก หรือชอบเดินดูชอบซื้อของเก่าสะสมในตลาดนัดยามเย็น ไม่ว่าจะเป็น ของเล่นเก่า รถเก่า หนังสือเก่า เครื่องเล่นแผ่นเสียง ไปจนถึงเสื้อผ้ามือสอง คงต้องถูกใจอย่างแน่นอน
ตลาดแนววินเทจแห่งนี้ เปิดขายกันทุกวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 5 โมงเย็น-เที่ยงคืน ตัวตลาดมีลักษณะเป็นแนวยาวขนานไปกับทางรถไฟเป็นระยะทางยาวไกลพอควร ถ้าเดินรวดเดียวคงไม่ได้อรรถรส แนะนำว่าควรแวะนั่งพักดื่มกินร้านอร่อยระหว่างทางบ้าง ซึ่งก็มีให้เลือกอย่างหลากหลาย เช่น ซี้ดกับเส้น, เสต็กแดน 8 และชาปัง พอสะสมพลังจนได้ที่แล้วจึงค่อยเดินต่อไปจนถึงบริเวณใกล้ทางเข้าตลาด ซึ่งเป็นย่านที่มีร้านอวดของเก่าที่น่าชมน่าถ่ายรูปอยู่เยอะที่สุด
เมื่อเที่ยวชมของสะสมโบราณ และได้ของช้อปถูกใจแล้ว อยากเดินทางกลับบ้านแบบทันใจ ก็แค่เดินข้ามถนนสายกรุงเทพ-นนทบุรีตรงปากทางเข้าตลาดไปอีกแค่อึดใจเดียว ก็เห็น สถานีรถไฟฟ้าบางซ่อน แล้ว.