เที่ยวซอกแซกหามุมสงบงามย่านถนนเจริญนคร

ถนนเจริญนครเป็นถนนเก่าสายหนึ่งในกทม. ตัดขึ้นในราวปี พ.ศ. 2482-2483 เพื่อต่อขยายเส้นทางจากถนนสมเด็จเจ้าพระยา ตรงย่านคลองสาน เลียบแนวแม่น้าเจ้าพระยาด้านใต้ไปสุดยังตำบลปากคลองดาวคะนองฝั่งใต้
อำเภอราษฎร์บูรณะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดธนบุรีในเวลานั้น
ล่วงเข้าสู่ปัจจุบัน ถนนเจริญนครที่มีความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร เป็นเส้นทางที่เชื่อมเขตแขวงต่างๆ เข้าด้วยกันตั้งแต่ แขวงคลองต้นไทร>บางลำพูล่าง>สำเหร่>บุคคโล ไปสุดที่แขวงดาวคะนอง ซึ่งมีชายขอบติดกับเขตราษฎร์บูรณะ
ในอนาคตอันใกล้นี้ ถนนเจริญนครทางส่วนเหนือจะเป็นย่านที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ถ้า ไอคอนสยาม ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาพื้นที่ 50 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาข้างซอยเจริญนคร 1 (ท่าน้ำคลองสาน) เริ่มเปิดให้บริการ แน่นอนว่าความเจริญที่เข้ามาย่อมทำให้วิถีสงบๆ ตามประสาฝั่งธนฯ ต้องแปรเปลี่ยนไปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่สำหรับใครที่อยากสัมผัสกับบรรยากาศสงบกว่า ก็คงต้องปรับจุดหมายไปยังถนนเจริญนครทางด้านใต้ลงไปอีก ซึ่งยังมีจุดสนใจให้ได้ซอกแซกเที่ยวชมอยู่อีกไม่น้อยเลย พอจะคัดเอาที่เด่นๆ มาแนะนำกันได้ดังนี้
ตลาดเช้าวัดเศวตฉัตร วรวิหาร บริเวณซอยเจริญนคร 25 เป็นตลาดที่เปิดจำหน่ายสินค้าทุกวัน โดยในส่วนของตลาดสดนั้นเริ่มขายกันตั้งแต่ตี 1 แล้วจะเริ่มวายกันประมาณ 10 โมงเช้า ความน่าสนใจของตลาดแห่งนี้คือฉากบรรยากาศการค้าขายกลางแจ้งที่ตั้งเรียงรายรอบกำแพงวัดเก่าแก่ ซึ่งหาดูได้ยากแล้วในเขตกรุงเทพฯ
วัดเศวตฯ นั้นเป็นโบราณมีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ก่อนจะได้รับการสถาปนาขึ้นใหม่ทั้งพระอารามในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยพระองค์เจ้าฉัตร ต้นราชสกุลฉัตรกุล ด้วยเหตุนี้พระอุโบสถที่เห็นในปัจจุบันจึงไม่มีช่อฟ้าและใบระกา มีหน้าบันเป็นลวดลายปูนปั้นประดับด้วยกระเบื้องเคลือบศิลปะแบบจีนที่งดงาม ส่วนด้านหลังพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระนอนเก่าแก่นามว่า พระพุทธบัณฑูลพูลประดิษฐ์สถิตไสยาสน์ (ปัจจุบันวัดเศวตฯ กำลังมีการรื้อปรับปรุงกุฏิไม้เก่าแก่หลายหลัง แถมท่าเรือข้ามฟากที่เคยข้ามไปยังองค์การสะพานปลากรุงเทพ ฝั่งถนนเจริญกรุง ก็ได้ยกเลิกให้บริการไปแล้ว ร้านค้าในตลาดเช้าช่วงนี้ก็เลยไม่ค่อยคึกคักนัก)
อีกจุดน่าสนใจของวัดเศวตซึ่งอยู่ริมถนนเจริญนครฝั่งตรงข้าม ก็คือ หลวงพ่อโบสถ์บน ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางสมาธิที่เชื่อกันว่าเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ที่สานด้วยไม้ไผ่แล้วปั้นทับด้วยปูน ถูกสร้างคู่มากับวัดตั้งแต่ครั้นโบราณกาลแล้ว
คริสตจักรที่ 1 สำเหร่ สุดซอยเจริญนคร 59 เป็นคริสตจักรแห่งแรกของมิชชันนารีคณะอเมริกันเพรสไบทีเรียน ซึ่งเดินทางเข้ามาเผยแผ่ศาสนาในเมืองไทยเมื่อปี ระหว่างสมัยรัชกาลที่ 3 (พ.ศ.2383) โดยในแรกเริ่มนั้นยังไม่มีที่ตั้งคริสตจักรเป็นของตนเอง ต้องอยู่รวมกับชาวต่างชาติอื่นๆ ในชุมชนกุฎีจีน บริเวณหลังวัดอรุณฯ อยู่นาน 7 ปี ก่อนจะขยับย้ายมายังแถวริมน้ำสำเหร่ ซึ่งแต่เดิมใช้เป็นที่ประหารชีวิตนักโทษ และเริ่มสร้างพระวิหารถาวรขึ้นเป็นแห่งแรกที่นี่ ในปี พ.ศ.2403 ตรงกับสมัยรัชกาลที่ 4 โดยได้ทุนจากพ่อค้า กะลาสีเรือ และมิชชันนารีชาวต่างชาติ ใช้เวลาก่อสร้างร่วม 2 ปีจึงแล้วเสร็จ ซึ่งก็คือส่วนโครงสร้างหลักของพระวิหารและหอระฆังอายุกว่า 150 ปียังคงอยู่เห็นถึงวันนี้
พื้นที่บริเวณหน้ามหาวิหาร เป็นสนามโล่งกว้างมองเห็นลำน้ำเจ้าพระยาที่ยังไม่มีหมู่ตึกสูงขึ้นอย่างหนาตามากนัก ครั้งหนึ่งในสมัยแรกสร้างพื้นที่แถวนี้เคยเป็นโรงเรียนชายล้วน สำเหร่บอยส์คริสเตียนไฮสคูล ซึ่งต่อมาได้พัฒนาโยกย้ายข้ามฝั่งไปเปิดที่ใหม่เป็น โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน ที่รู้จักกันดีในปัจจุบันนั่นเอง
ศาลเจ้าพ่อพระเพลิง และโรงเจบ้วนชุนตั๊ว บริเวณริมน้ำเชิงสะพานกรุงเทพฯ ซึ่งทั้ง 2 แห่งนั้นจัดเป็นโบราณสถานกลางกรุงฯ ที่มีความเป็นมายาวนานกว่าศตวรรษ ศาลเจ้าพ่อพระเพลิง หรือ เอี่ยมกวงไต๋ตี่ นั้นอยู่ติดสะพานฝั่งซ้ายมือ คนที่ใช้ไฟทำมาหากิน เช่น ร้านอาหาร เชื่อมเหล็ก หรือเตาเผา มักจะแวะเวียนไปกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลกัน ถ้าเดินเข้าไปข้างในศาล ก็จะได้ชมวิวแม่น้ำ เห็นแนวสะพานกรุงเทพฯ ทอดยาวเหนือเจ้าพระยา นับเป็นสะพานเหล็กอายุกว่า 60 ปีเพียงแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังใช้งานโยกเปิด-ปิดได้อยู่
ถ้าเดินลอดใต้สะพานต่อไปอีกหน่อย ก็จะพบกับโรงเจบ้วนชุนตั๊ว และ ศาลเต้าบ้อ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อีกแห่งของชาวจีนฮกเกี้ยนที่มีความเก่าแก่ย้อนไปถึงสมัยรัชกาลที่ 3 กันเลย ย่านนี้จะคึกคักเป็นพิเศษในทุกช่วงเทศกาลกินเจ จนเป็นที่รู้จักคุ้นหูกันดีว่า โรงเจสะพานกรุงเทพ
สำหรับช่วงนอกเทศกาล หากจะแวะเวียนไปสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เสพบรรยากาศสงบสดชื่นริมแม่น้ำ พร้อมกับละเลียดชมงานศิลปะจีนอันวิจิตรงดงามในศาลเจ้า ก็นับว่าเป็นกิจกรรมที่ควรค่าแก่การเที่ยวชมไม่น้อยเลย
วัดบุคคโล ซอยเจริญนคร 63 วัดเก่าแก่อีกแห่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่แม้ว่าสภาพสิ่งปลูกสร้างภายในวัดที่เห็นนั้นจะเปลี่ยนแปลงจนแทบไม่เหลือเค้าความเป็นวัดเก่าในสมัยอยุธยาแล้ว แต่ก็ควรแวะเวียนเข้าไปไหว้ หลวงพ่อแพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่วัดซึ่งเล่าสืบกันมาว่า เป็นพระพุทธรูปที่ติดมากับแพ ก่อนจะมาลอยวนมาอยู่แถวหน้าวัดหลายวัน จนชาวบ้านต้องทำพิธีอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานในที่สุด
ไหว้พระให้จิตสงบสบายใจแล้ว ก็หาโอกาสขึ้นไปชมวิวมุมสูงบน ศาลาจัตุรมุขลอยฟ้า ซึ่งเห็นเป็นมณฑปอยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารสูงราวตึก 4 ชั้น มองลงมาเห็นวิวสะพานกรุงเทพ สะพานพระราม 3 และวิถีอันสงบงามบนลำน้ำเจ้าพระยาด้านใต้ นับเป็นจุดชมวิวแม่น้ำที่ดูสบายตาอีกแห่งในเขตกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้
หลังเสร็จสิ้นรายการตะลอนทัวร์ย่านเจริญนครแล้ว ต้องปิดท้ายทริปกันด้วยของกินอร่อยๆ ในย่านชุมชนคลองต้นไทร ซึ่งมีร้านให้เลือกทานมากมายบริเวณปากซอยเจริญนคร 17, 19 และ 21 อาทิ ข้าวต้มปลาท่าฉลอม, ตี๋อ้วนลูกชิ้นปลา, พรเจริญไอศครีมไข่แข็ง, เฮง หอยทอด-ผัดไทกระทะยักษ์, ขนมจีนไหหลำ และอื่นๆ อีกมากมายกว่า 10 ร้านให้เลือกกินกันจนพุงกางเลยล่ะ.