“ดิวาลี เซ็นเตอร์” ศูนย์ดูแลผู้สูงวัยครบวงจร
การทำธุรกิจนั้นมีหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ใช่ว่าเมื่อมีเงินทุนล้ว หรือมีไอเดียแล้วจะสามารถทำได้เลย สิ่งที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งไม่แพ้กันก็คือเรื่องของจังหวะ และเวลาที่ต้องมาแบบถูกที่ถูกเวลาด้วย ธุรกิจถึงจะสามารถประสบความสำเร็จได้
ศูนย์ดิวาลี เซ็นเตอร์ (Diwali Center) ใช้ระยะเวลาในการบ่มเพาะมากกว่า 3 ปี ก่อนที่จะถือกำเนิด Start up ธุรกิจขึ้นมา ภายใต้การนำทีมของหัวเรือใหญ่อย่าง “กิตติมา หัตถีรัตน์” ผู้ก่อตั้ง บริษัท ดิวาลี เซ็นเตอร์ จำกัด เจ้าของไอเดีย
-กว่าจะมาเป็นดิวาลี เซ็นเตอร์
กิติมา บอกถึงที่มาที่ไปของไอเดียในการสร้างธุรกิจครั้งนี้ว่า มีจุดเริ่มต้นมาจากการที่ตนมีแนวคิดที่จะก่อตั้งศูนย์ให้บริการดูแลผู้สูงอายุ แต่ในช่วง 3 ปีที่แล้วยังมีผู้ที่ทักท้วงอยู่ว่าน่าจะยังไม่ถึงเวลา ดังนั้นตัวเธอจึงใช้ช่วงเวลาดังกล่าวส่วนใหญ่ไปกับการศึกษาดูงานที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ประเทศจีน และญี่ปุ่น เพื่อดูว่ามีวิธีการรองรับอย่างไร โดยจากการศึกษาทำให้พบว่าที่ญี่ปุ่นจะดูแลกันเป็นระบบแบบเช้าไปเย็นกลับด้วยรถรับส่ง โดยมีผู้ป่วยติดเตียงแยกออกมาอีกแผนกหนึ่ง ซึ่งจะเป็นบริการของโรงพยาบาล แต่จะค่อนข้างแออัดไปด้วยนักกายภาพและผู้พิการ ส่วนที่จีนจะเน้นความเป็นธรรมชาติ โดยจะดูแลทั้งเรื่องของอากาศ และอาหารในการรับประทาน
อย่างไรก็ตาม ช่วงระหว่างนั้นตัวเธอยังได้ทำการสำรวจความต้องการของตลาดควบคู่กันไปด้วย ซึ่งปรากฎว่ามีกระแสตอบรับที่ดีมาก โดยเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมตัวเธอจึงเลือกใช้พื้นที่ประมาณ 3 ไร่ ในกรุงเทพมหานคร ย่านดอนเมืองเพื่อสร้างอาณาจักรให้กลายเป็นศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นการผสมผสานส่วนดีของแต่ละรูปแบบที่ได้ศึกษามาให้เหมาะสมกับคนไทยมากที่สุด โดยรวบรวมผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ มาไว้ด้วยกัน
“ดิวาลี เซ็นเตอร์ คือศูนย์บริการดูแลผู้รักสุขภาพสำหรับผู้สูงวัยแบบองค์รวม และครบวงจร โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นการป้องกัน หรือบรรเทาอาการเจ็บป่วยที่อาจเกิดขึ้น”
-บริการของ ดิวาลีฯ
ด้วยจุดประสงค์ของการก่อตั้งที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น การให้บริการของดิวาลีฯ จึงเสมือนเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับร่างกายทางด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจหาภูมิแพ้อาหารแฝงของร่างกาย ซึ่งจะเป็นการตรวจแบบละเอียด ทั้งแบบเฉียบพลัน (Allergy-IgE) และการแพ้แบบเรื้อรัง หรือแบบแฝง (Allergy-IgG) จำนวน 222 ชนิด โดยผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันวิทยา การวิเคราะห์ แนะนำ ซึ่งจะทำการเจาะเลือด เพื่อนำไปวิเคราะห์ในห้องแลปตรวจหาสารแฝงที่ส่งผลต่อร่างกาย ซึ่งทุกคนอาจจะไม่รู้ตัว
หลังจากที่รู้ว่าร่างกายแพ้สารประเภทใด ศูนย์จะดำเนินการจัดโภชนาการที่เหมาะสมรายบุคคล ซึ่งทุกคนจะได้รับทราบว่าอาหารประเภทใดที่ไม่ควรรับประทาน และควรจะต้องรับประทานอาหารแบบไหนเพื่อรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง โดยภายในศูนย์ฯ จะมีแม่ครัวปรุงอาหารเพื่อสุขภาพ ด้วยวัตถุดิบที่ถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันมะพร้าวที่ใช้ในการประกอบอาหาร หรือสารให้ความหวานที่จะเลือกใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล เป็นต้น
“ศูนย์ยังมีบริการสอนการทำอาหารเพื่อสุขภาพสำหรับผู้ที่สนใจ ที่ต้องการกลับไปทำรับประทานเองที่บ้านด้วย แต่หากท่านใดที่ไม่สะดวก ศูนย์ก็มีบริการจัดส่งอาหารให้ถึงบ้าน โดยได้มีการประสานความร่วมมือกับผู้ให้บริการขนส่งเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการ”
-เครื่องมือทันสมัยที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจประเมินร่างกาย โดยการประเมินโครงร่างกระดูก กล้ามเนื้อ การทรงตัว เพื่อดูความเสี่ยงในการล้ม ด้วยเครื่องประเมินการทรงตัวและวัดความสมมาตรร่างกาย (Biometrix) ซึ่งจะวิเคราะห์ผลอย่างละเอียด โดยถือว่าเป็นเครื่องมือที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย นอกจากนี้ภายในศูนย์ยังมีการทำกายภาพบำบัด ผสมผสานกับเครื่องมือที่ทันสมัยอย่างเครื่อง High Power Laser (MSL) เครื่องมือกำเนิดแสงเลเซอร์แบบผสม ที่มีความยาวคลื่น 808 และ 909 นาโนเมตร รวมกันในลำแสงเดียว (Combination Synchronization) รักษาอาการอักเสบและการปวดของกล้ามเนื้อ เอ็นกล้ามเนื้อและเอ็นหุ้มข้อต่อ
อย่างไรก็ตาม ยังมีการดูแลด้วยออกกำลังกายในน้ำ (Hydro Therapy) เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและข้อต่อเพื่อป้องกันข้อเสื่อม รวมถึงจัดสรรโปรแกรมที่มีแรงกระแทกต่ำ-สูงที่เหมาะสมแบบรายบุคคล ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญ ด้วยสระวารีบำบัดที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี โดยใช้ระบบน้ำเกลือที่ถือว่าสะอาดที่สุด อีกทั้งยังมีกิจกรรมสันทนาการอย่างดนตรีบำบัด ศิลปะบำบัด ชี่กง การทำสมาธิ นวดเพื่อสุขภาพ และเกมลับสมอง
“ดิวาลี เซ็นเตอร์ไม่ใช่โรงพยาบาล และไม่รับผู้ป่วยติดเตียง แต่ก็มีห้องพักไว้คอยให้บริการ 10 ห้องภายในอาคารสูง 3 ชั้นที่มีลิฟท์ไว้อำนวยความสะดวก กรณีที่เพิ่งหายป่วยและต้องการมาพักฟื้นโดยจะมีการพิจารณาเป็นรายๆ ขณะที่ภายในห้องพักจะมีอุปกรณ์ป้องกันอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นราวจับภายในห้องน้ำ ปุ่มกดเรียกฉุกเฉิน และประตูเปิด-ปิดที่ไม่มีการล็อกจากด้านใน โดยเลือกใช้รูปแบบบานเลื่อน ซึ่งจากการศึกษาพบว่าจะช่วยประครองผู้ใช้บริการได้ดีกว่าแบบผลักเปิด-ปิดกรณีที่เกิดอาการล้ม เป็นต้น”
-จับเทรนด์สังคมผู้สูงอายุ
กิตติมา บอกต่อไปว่า ดิวาลี เซ็นเตอร์ จะมีความแตกต่างด้วยการเป็นศูนย์ให้บริการที่ไม่ใช่รูปแบบของเนอสเซอร์รี่ โดยมีบรรยากาศแบบผ่อนคลาย ซึ่งการตกแต่งสถานที่ถูกออกแบบโดยสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญถูกต้องตามหลัก โดยมองว่าธุรกิจดังกล่าวนี้มีแนวโน้มการเติบโตได้อีกมาก จากการเปลี่นแปลงของสังคมทั่วโลก ซึ่งไทยเองก็กำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Aged Societies) ในปี 67 ดังนั้น การให้บริการ หรือผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับผู้สูงวัยจึงเป็นความต้องการของตลาด
“เป้าหมายทางธุรกิจแน่นอนว่าย่อมอยู่ที่ผลกำไร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การทำทุกอย่างให้ดีที่สุดแล้วผลตอบแทนที่ต้องการจะตามมาเอง การทำธุรกิจแน่นอนว่าทุกคนย่อมต้องการผลกำไรมากๆ แต่หากเราเร่งต้นไม้ให้โต สุดท้ายก็จะตาย เพราะฉะนั้นจึงต้องทำแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยสิ่งที่ยืนยันความมีคุณภาพของดิวาลี เซ็นเตอร์ได้เป็นอย่างดีคือ ตนเองซึ่งมีอายุใกล้จะ 70 ปี แต่ยังไม่เคยล้มป่วย หรือต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเลย”
กิตติมา บอกปิดท้ายอย่างน่าสนใจว่า คนส่วนใหญ่มักจะต้องรอให้เจ็บป่วยขึ้นเสียก่อนถึงจะยอมไปโรงพยาบาล แต่จะเป็นการดีกว่าไหมหากเรามีการป้องกัน และบรรเทาปัญหาทางด้านสุขภาพที่จะเกิดขึ้นได้ โดยกลุ่มผู้ใช้บริการเป้าหมายของศูนย์ฯ คือกลุ่มไฮเอนด์เลย ซึ่งหมายถึงผู้ที่มีเงินพอที่จะมาใช้บริการ.