“ครัวไทย” นวัตกรรมความอร่อยส่งตรงถึงบ้าน
การแก้ปัญหาของการดำเนินชีวิตในยุคปัจุบัน และการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างตรงจุด เป็นโจทย์ที่สำคัญซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดสามารถมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุด ย่อมหมายถึงการกรุยทางไปสู่ประตูแห่งความสำเร็จได้แล้วเกินกว่าครึ่ง
แบรนด์ “ครัวไทย” Start up ธุรกิจขึ้นมาภายใต้วิสัยทัศน์การมองตลาดอย่างเฉียบขาดของ “ณภัสตา วชรภิตภรณ์” หญิงสาวผู้มีอายุยังไม่ถึง 26 ปี แต่มองเห็นทิศทางของการเปลี่ยนแปลงทางสังคม รวมถึงกระแสของการรักสุขภาพที่จะต้องมาพร้อมกับความสะดวกสบาย และเรื่องอาหารการกินที่ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ขาดไม่ได้สำหรับทุกคนไม่ว่าจะเป็นชนชั้นใดก็ตาม
จุดเริ่มต้นธุรกิจ
ณภัสตา ผู้บริหาร บริษัท เคที ฟู้ด แอนด์ เบฟเวอเรต จำกัด บอกถึงที่มาที่ไปของไอเดียในการทำธุรกิจ ว่า มาจากการที่ตัวเธอเป็นคนที่ทำกับข้าวไม่เป็น แต่ก็เป็นคนที่ชอบรับประทานอาหารที่อร่อย อีกทั้งด้วยการดำเนินชีวิตที่เร่งรีบในยุคปัจจุบันทำให้การทำอาหารรับประทานเองเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ตามด้วยความที่ตัวเธอเป็นคนที่รู้สูตรการทำอาหารประเภทแกงส้มแบบดั้งเดิม ประกอบกับที่มีผู้ประการรายหนึ่งที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารกำลังจะเลิกกิจการ แต่ตัวเธอเห็นว่าธุรกิจดังกล่าวนี้น่าจะยังสามารถไปได้อีกไกล
ทั้งนี้ เมื่อมองเห็นว่าธุรกิจดังกล่าวนี้ยังมีประสิทธิภาพ ตนจึงขอเข้าเซ้งกิจการเพื่อนำมาทำต่อ โดยได้มีการผสมผสานความรู้ที่มี รวมกับเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาประยุกต์กับสูตรน้ำแกงส้ม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ในเรื่องความสะดวกสบาย และรวดเร็วแข่งกับเวลา โดยเฉพาะผู้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง ซึ่งไม่ค่อยมีเวลาทำอาหารรับประทานเอง
“ธุรกิจของตนคือ น้ำแกงส้มปรุงสำเร็จแบรนด์ ครัวไทย ที่มีรสชาติอร่อยแบบดั้งเดิม และอยากให้ชื่อว่าเป็นแกงส้มที่อร่อยที่สุดในโลก โดยที่กล้าบอกแบบนี้ก็เพราะว่าเป็นสูตรแกงส้มตามแบบฉบับโบราณ ซึ่งแกงส้มที่อร่อยจะต้องเป็นแบบค้างคืน คนสมัยรุ่นปู่ย่าจะทราบดีว่า แกงส้มที่อร่อยจะต้องทำคืนนี้แล้วค่อยรับประทานพรุ่งนี้มื้อเช้า เพื่อให้ส่วนผสมของเครื่องปรุงทุกอย่างเข้มข้น เข้ากัน เพราะเป็นวัตถุดิบที่มาจากสมุนไพร จะได้ประโยชน์อย่างมากหากรับประทานในวันรุ่งขึ้น”
สะดวกในการรับประทาน
ณภัสตา บอกต่อไปว่า น้ำแกงส้มปรงุสำเร็จ ครัวไทย มีความสะดวกสบายในการรับประทาน เพียงแค่เขย่าขวดแล้วเทลงไปในหม้อ เมื่อน้ำแกงเดือดก็สามารถเติมผัก และเนื้อสัตว์ได้ตามที่ต้องการ แทบจะไม่ต้องปรุงเพิ่ม โดยสามารถรับประทานได้ทันทีไม่ต้องรอเก็บไว้ข้ามคืน เพราะเป็นสูตรในแบบฉบับดั้งเดิมอยู่แล้ว และไม่มีการใส่วัตถุกันเสีย เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคตามหลักโภชนาการ
“ด้วยความที่ตนเป็นคนเรื่องเยอะอยู่แล้วในการรับประทานอาหาร เพราะฉะนั้นผลิตภัณฑ์แบรนด์ ครัวไทย จึงพิถีพิถันเป็นอย่างมากในการผลิต ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสุมนไพร และเนื้อปลาที่จะเลือกใช้จะต้องเป็นปลายี่สก นำมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน หลังจากนั้นจึงนำมาผ่านกระบวนการพลาสเจอร์ไรส์ ซึ่งทำให้สามารถเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ไว้ได้ถึง 1 ปี”
สำหรับช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์นั้น จะเป็นการดำเนินการผ่านร้านจำหน่ายของฝาก รวมถึงร้านอาหารในจังหวัดกาญจนบุรี และช่องทางออนไลน์ของตัวแทนจำหน่ายที่รับผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายต่อส่วนแผนการตลาดเพื่อเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าของบริษัทปีนี้ จะมุ่งเน้นการทำตลาดที่ต่างประเทศเป็นหลัก โดยล่าสุดบริษัทได้ดำเนินการลงทุนประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่รวมถึงกำลังการผลิตของโรงงาน และการทำให้เป็นมาตรฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ (GMP) สำหรับรองรับปริมาณออเดอร์จากต่างประเทศที่จะเกิดขึ้น และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัทกำลังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาทางธุรกิจ เพื่อนำผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ,เกาหลีใต้ และเมียนมาร์ โดยเป็นการดำเนินการผ่านตัวแทนซื้อขาย หรือเทรดเดอร์ (Trader) ของแต่ละประเทศ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถกำหนดระยะเวลาแน่นอนได้ว่าจะสามารถนำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่ายได้เมื่อใด โดยล่าสุดมีออเดอร์จากเกาหลีเข้ามาแล้ว 2,000 ลัง หากการเจรจาธุรกิจเป็นไปได้ด้วยดีก็สามารถที่จะส่งออกได้ทันที
ต่อยอดผลิตภัณฑ์
ณภัสตา บอกต่อไปอีกว่า การทำตลาดในประเทศนั้น บริษัทกำลังจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาด โดยเป็นน้ำแกงส้มปรุงสำเร็จสูตรเจ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าไปยังผู้ที่ไม่รับประทานเนื้อสัตว์ และรองรับเทศกาลกินเจที่กำลังจะมาถึง นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างขั้นตอนของการวิจัยและพัฒนา (R&D) สูตรแกงป่าเพื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์ออกมาจำหน่าย โดยจะช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าของบริษัทได้มากยิ่งขึ้น แต่ขณะนี้ยังไม่ได้สูตรที่ลงตัวที่สุดตามที่บริษัทต้องการ นอกจากนี้บริษัทยังจะขยายตลาดไปในช่องทางออนไลน์ และขยายตลาดไปยังทุกร้านจำหน่ายของฝากในประเทศ โดยจะดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไปเนื่องจากจะต้องใช้งบประมาณที่สูงมาก
“การทำตลาดต่างประเทศนั้น กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทคือกลุ่มคนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ และต้องการรับประทานอาหารไทยที่รสชาติแบบดั้งเดิม เสมือนรับประทานอยู่ที่เมืองไทยได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่ในประเทศจะเป็นกลุ่มลูกค้าทั่วไป ที่ทำอาหารไม่ค่อยเก่ง และเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความเร่งรีบในยุคปัจจุบัน”
บริษัทจะทำการตลาดในรูปแบบขายส่งเท่านั้น เพื่อให้ตัวแทนจำหน่ายได้ไปทำตลาดต่อ โดยบริษัทจะทำหน้าที่สนับสนุนทางด้านโปรโมชั่นการขาย และการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งจะไม่มีการทำตลาดแข่งกับตัวแทนจำหน่าย โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์อยู่ที่ความสะดวกสบายในการทำอาหาร และรสชาติที่เป็นสูตรแบบดั้งเดิม
ด้านหลักคิดในการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น มองว่าอยู่ที่ความจริงใจที่ต้องมีให้กับลูกค้าและพนักงานของบริษัท รวมถึงความซื่อสัตย์ต่อตนเองและลูกค้า ในการทำน้ำแกงที่ดีมีคุณภาพ ถ้าเสียหรือผิดสูตรจะทิ้งทันที ไม่มีการเอามาปรับแก้ แต่จะทำใหม่เลย นอกจากนี้ยังมีเรื่องการอดทนกับสภาพเศรษฐกิจด้วย.