ไตรมาส3กำไรบจ.ไทยพุ่ง 400%

บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยรายงานกำไรงวดไตรมาส 3 ปีนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนมากกว่า 400%นำโดยกลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์
จากการรวบรวมข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยที่รายงานกำไรงวดไตรมาส3ของปีนี้ ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 15 พ.ย.นี้ ล่าสุดมีจำนวนเกินกว่า 50% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด พบว่า มีกำไรกำไรรวมกันประมาณ 1.77 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 453% จากปีก่อนที่มีกำไร 5.9 หมื่นล้านบาทเติบโตสูงถึง 453%
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีกำไรรปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ ปิโตรเคมี กำไรรวม 1.04 หมื่นล้านบาทเติบโต 279% รองลงมา กลุ่มพลังงาน กำไรรวม 4.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 169% กลุ่มอาหาร กำไรรวม 8.5 พันล้านบาทเติบโต38% กลุ่มพาณิชย์ กำไรรวม 1.1 หมื่นล้านบาท เติบโต32% กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กำไรรวม 1.53 หมื่นล้านบาท เติบโต 31% กลุ่มธนาคาร กำไรรวม 5.23 หมื่นล้านบาทเติบโต16% กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ กำไรรวม 8.9 พันล้านบาท เติบโต 10%
ขณะที่กลุ่มสื่อสาร กำไรรวม 9 พันล้านบาท ลดลง 45% และกลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์ กำไรรวม 264 ล้านบาทลดลง 75%
บล.เอเซียพลัส ให้ความเห็นว่า การรายงานงบการเงินงวดไตรมาส 3/59 ของกลุ่ม Real Sector ทยอยประกาศออกมาอย่างต่อเนื่องโดย จากการรายงานงบที่ผ่านมาในเบื้องต้น คาดว่ากำไรสุทธิตลาดปี 2559 จะเพิ่มขึ้นราว 1 หมื่นล้านบาท จาก 8.6 แสนล้านบาท ขึ้นเป็น 8.7 แสนล้านบาท และ EPS มีแนวโน้มขยับขึ้นจาก 90.14 บาท/หุ้น ขึ้นเป็น 91.19 บาท/หุ้น อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิจัยจะทบทวนอีกครั้งหลังจากรายงานงบไตรมาส 3/59 เสร็จสิ้น แต่โดยรวมจะทำให้ EPS Growth ปี 2559 สูงเกิน 31% และปี 2560 ลดลงจากเดิมที่ 9% แต่โดยรวมไม่ได้ทำให้ ดัชนีเป้าหมายปี 2560 แตกต่างจากเดิมมากนัก
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยได้มีการปรับเพิ่ม/ลดประมาณการกำไรปี 2559 และ 2560 ขึ้น จากกลุ่มต่างๆ ประกอบด้วย

กลุ่มที่มีการปรับเพิ่มประมาณการ
กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ปี 2559 ปรับเพิ่มราว 2 พันล้านบาท 2560 ปรับลดลงราว 4.9 พันล้านบาท หลักๆ มาจากปรับกำไรในปีนี้ของ SCB ขึ้น แต่ปรับกำไรปีหน้าของ KBANK และ TMB ลง
กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ปี 2559 ปรับเพิ่มราว 2.3 พันล้านบาท 2560 ปรับเพิ่มราว 2.4 พันล้านบาท เป็นการปรับเพิ่มของหุ้น SCC แต่ปรับ SCCC และ TASCO ลง
กลุ่มค้าปลีก ปี 2559 ปรับเพิ่มราว 1.2 พันล้านบาท 2560 ปรับเพิ่มราว 1.6 พันล้านบาท เป็นการปรับเพิ่มของหุ้น BJC, HMPRO และ COM7
กลุ่มพลังงาน ปี 2559 ปรับเพิ่มราว 5 พันล้านบาท 2560 ปรับเพิ่มราว 108 ล้านบาท มาจาก PTT และ IRPC
กลุ่มเกษตร-อาหาร ปี 2559 ปรับเพิ่มราว 2.3 พันล้านบาท 2560 ปรับลงราว 1.2 พันล้านบาท น่าจะเป็นผลจากการปรับเพิ่ม CPF และ TVO แต่ปรับลด TU ลง
กลุ่มเหล็ก ปี 2559 ปรับเพิ่มราว 952 ล้านบาท 2560 ปรับเพิ่มราว 300 ล้านบาท มาจากการปรับ MCS, TSTH และ TMT
กลุ่มที่มีการปรับลดประมาณการ
กลุ่มอสังหาฯ ปี 2559 ปรับลดราว 2.3 พันล้านบาท 2560 ปรับลดราว 827 ล้านบาท มาจากการปรับลดกำไรของ LPN, PS และปรับเป็นขาดทุนของ PACE
กลุ่ม ICT ปรับลดกำไรปี 2559 ลงราว 550 ล้านบาท ปี 2560 ปรับลงราว 480 ล้านบาท โดยเป็นการปรับลดกำไรของ THCOM ปีนี้และปีหน้าลง และมีแนวโน้มปรับ ADVANC ปีนี้และปีหน้าลง
กลุ่มโรงแรม ปรับลดกำไรปี 2559 ลง 1.2 พันล้านบาท ปี 2560 ปรับลง 1.2 พันล้านบาท จากการปรับลดกำไรของ MINT และ ERW
กลุ่มชิ้นส่วนฯ ปรับลดกำไรปี 2559 ลง 884 ล้านบาท ปี 2560 ปรับลง 1.6 พันล้านบาท จาก SVI
บล.บัวหลวง ประเมินว่า ฝ่ายวิจัยยังคงมีมุมมองเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มเติบโตระดับปานกลาง ซึ่งการใช้จ่ายที่ชะลอตัวลงในไตรมาส 4/2559 ระหว่างช่วงการไว้อาลัยอาจส่งผลให้เกิดความเสี่ยงขาลงต่อการใช้จ่ายในสินค้าฟุ่มเฟือยและการใช้จ่ายของบริษัท ขณะที่การใช้จ่ายส่วนบุคคลและสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอาจมีผลกระทบไม่มากนัก
มุมมองฝ่ายวิจัยเชื่อภาครัฐอาจมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายหลังช่วงการไว้อาลัย การบริโภคมีแนวโน้มแข็งแกร่งในปี 2560 หลังจากรายได้จากภาคการเกษตรกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะเกษตกรผู้ปลูกข้าว ขณะที่ภาระหนี้จากนโยบายรถคันแรกลดลงในช่วงปลายปี 2559 – 2561 รวมถึงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ลดลงหลังจากนโยบายหักลดหย่อนภาษีใหม่ซึ่งมีผลในปีหน้า
ทั้งนี้โอกาสในการปรับเพิ่มประมาณการดัชนีตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นอาจถูกจำกัดจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการรับรู้ของตลาดที่ธนาคารกลางสหรัฐมีนโยบายปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นในปีนี้
เบื้องต้นประมาณการกำไรรวมไตรมาส 3/2559 เพิ่มขึ้น 409% จากปีก่อน แต่ลดลง 13% จากไตรมาส2/2559 กลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตสูง ได้แก่ กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี จากสต็อกน้ำมันขาดทุนในปีที่แล้ว กลุ่มประกันภัยจากการตั้งค่าสำรองที่ลดลงในพอร์ตการลงทุน กลุ่มอาหารตามต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลงและราคาไก่และกุ้งที่สูงขึ้น ธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคซึ่งสินเชื่อเติบโตแข็งแกร่งและหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ไม่เพิ่มมาก กลุ่มท่องเที่ยวจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโต 12% จากปีก่อน ในไตรมาส 3 จะเห็นว่า กลุ่มค้าปลีกตามการขยายตัวของร้านค้าปลีก การเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่เป็นบวกในไตรมาสนี้ และกลุ่มสายการบินจากการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวและต้นทุนน้ำมันที่ลดลง
ในไตรมาส 4 นั้น เบื้องต้นคาดว่าผลประกอบการจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อน แต่ลดลง 4% จากไตรมาส 3 โดยกลุ่มที่น่าจะมีกำไรเติบโตดีที่สุดจากปีก่อน ได้แก่ กลุ่มพลังงาน เพราะไม่มีผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันมากเท่ากับปีก่อน กลุ่มอาหารตามราคาเนื้อสัตว์ปรับตัวสูงขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำลง กลุ่มค้าปลีกจากการขยายตัวของสาขา ต้นทุนการบริหารจัดการที่ลดลง และกลุ่มการเงินรายย่อย ซึ่งสินเชื่อเติบโตแข็งแกร่ง และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ไม่เพิ่มมาก
ประมาณการกำไรของตลาดทั้งปี 2559 คาดกำไรต่อหุ้นที่ 97 บาท สูงกว่าตลาดเล็กน้อยซึ่งอยู่ที่ 95.6 บาท โดยเห็นการปรับเพิ่มประมาณการของตลาดปี 2559 ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาหลังจากการปรับลดประมาณการไปก่อนหน้านี้ การบริโภคที่ชะลอตัวลงในช่วงการไว้อาลัยแต่จะกลับมาเป็นปกติได้ในปีหน้า