เช็คชื่อผจก.รัฐบาลคนใหม่ เมื่อสิ้น “มังกรเมืองสุพรรณ”

ก่อนอื่นขอไว้อาลัยกับการจากไปของ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่21ของประเทศไทย
วงการการเมืองไทยขาดคีย์แมนหลักที่ทำหน้าที่ผู้จัดการรัฐบาลและ มือประสานสิบทิศไปแล้ว 1 ชีวิต สีสันและแนวทางการเมืองของ “เติ้งเสี่ยวหาร” ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมานั้น หลายคนชื่นชม แม้บางคนแอบไม่พอใจ แต่วันนี้ตนโตตัวเล็กไปสู่สุขคติแล้ว
บางมุมมองบนสภากาแฟ สะท้อนให้ได้ยินพอที่จะตั้งข้อสงสัยว่า “จากนี้ไปจะยุ่งไปกว่านี้หรือไม่ เมื่อเมืองไทยสิ้น ”มังกรเมืองสุพรรณ” ไปแล้ว เพราะแนวโน้มร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เริ่มมีความเห็นแตกต่าง และขั้วใหญ่ต่างไปกันคนละทาง”
เมื่อเป็นเยี่ยงนี้ลองหลับตามองอนาคตหลังการเลือกตั้งปี 2560…หลายคนคงลอบถอนหายใจ เพราะยามนี้พรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองต่างมีจุดยืนที่ชัดเจนในตัวเรื่องนี้เมื่อคิดต่อยอด…ก็มองไปได้หลายทาง แต่ความเป็นไปได้ในอนาคตอันใกล้ เค้ารางความวุ่นวายทางการเมืองไทยหลังการเลือกตั้ง น่าจะวุ่นไปอีกพักใหญ่
เพราะอย่าลืมว่าสิบกว่าปีที่ผ่านมา การเมืองไทยยังวนเวียนอยู่กับความขัดแย้งที่ลุกลามไปทุกหย่อมหญ้า และคนที่มีพรรษาที่อ่านหมากการเมืองได้อย่างพอเหมาะพอเจาะที่จะทำให้หมากบนกระดานการเมืองพอเดินหน้าไปได้…ก็เหลืออยู่น้อยคนเต็มที่
เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ นายบรรหารให้ความเห็นที่น่าสนใจซึ่งน่าจะเป็นการพูดถึงการเมืองไทยครั้งสุดท้ายโดยขอบันทึกให้ชวนคิดว่า
“ขอให้สัมภาษณ์ในส่วนที่ตอบได้เรื่องการเลือกตั้ง ถามว่า อยากให้มีการเลือกตั้งไหม ก็ขอตอบในความคิดเห็นส่วนตัวว่า อยากให้มีการเลือกตั้ง ภายในปี 2560 ตามที่รัฐบาลได้กล่าวไว้ เพื่อให้เกิดระบอบประชาธิปไตย เพราะอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด พร้อมทั้งบอกว่า อันนี้เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ไม่ใช่ความคิดเห็นของพรรคชาติไทยพัฒนา ส่วนในเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ ผมก็รู้สึกเห็นชอบ ส่วนกรณีที่จะมีการร่างรัฐธรรมนูญให้ ส.ว.มีสิทธิ์เลือกนายกฯนั้นก็คงให้ความคิดเห็นไม่ได้แต่ว่า ให้เป็นไปตามวิถีทาง ผมพูดอะไรมากไม่ได้ขอตอบในเรื่องที่พอตอบได้ในการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว”
เพียงเท่านี้ก็พอจะอนุมานได้รางๆ ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับ มีชัย ฤชุพันธุ์ จะมีเสียงหนุนจากขั้วพรรคชาติไทยพัฒนาและ นายบรรหาร น่าจะเดินเกมประสานใต้ดินกับขั้วการเมืองอื่นๆได้บ้างเพื่อให้เงื่อนไขไม่ติดล็อกไปทุกประตู
ช่วงที่มังกรเมืองสุพรรณยังคงมีลมหายใจนั้น เกมการเมืองที่เข้าขั้นไคลแมกซ์ “บรรหาร” จะเป็นตัวแปรที่สำคัญสุดในการตั้งรัฐบาลหรือร่วมทำให้เกิดภาวะติดหล่ม แม้บางครั้งเติ้งเสี่ยวหารต้องยอมกลืนเลือดที่ต้องจับมือตั้งรัฐบาลกับขั้วตรงข้าม หรือบางครั้งก็ยอมเจ็บตัวที่ต้องสังเวยสิทธิทางการเมืองไป 5 ปี แต่บรรหารก็ยังคงคุณค่าและราคาทางการเมืองไทยอยู่เสมอ แต่เมื่อชายคนนี้สิ้นลม แล้วการเมืองไทยจะเป็นไปอย่างไร…
เอาง่ายๆ พรรคชาติไทยพัฒนาจะเจริญรอยตามจุดมุ่งหมายของ “บรรหาร” ได้หรือไม่ หรืออาจจะแปรสภาพจากพรรคขนานกลางเป็นพรรคขนาดเล็กที่ครองพื้นที่จังหวัดฐานเสียงไว้ แต่ยังมีโอกาสเป็นตัวแปรสำคัญในการตั้งหรือล้มรัฐบาล หรือหากมองในแง่ร้ายสุดๆ พรรคชาติไทยพัฒนาอาจเหลือแต่ตำนานเมื่อยามผู้นำพรรคสิ้นบารมี โดยที่ผู้สืบทอดเจตนาไม่อาจสานฝัน “บรรหาร” ให้สมประสงค์ได้ และช็อตสำคัญลำดับต่อมาคือ ใครจะมาเป็นผู้จัดการรัฐบาลที่จะประสานสิบทิศให้กลไกการเมืองเดินหน้า
ลองเหลียวหลัง-เช็กประวัติ “คนการเมือง” ที่ยังมีบทบาทบนถนนการเมืองไทย เช่น พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายเสนาะ เทียนทอง นายพินิจ จารุสมบัติ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน หรือแม้แต่ นายเนวิน ชิดชอบ
กาชื่อ “บิ๊กจิ๋ว” ทิ้งไปในลำดับแรก เพราะหลายฝ่ายไม่เชื่อในน้ำมนต์ของผู้อาวุโสท่านนี้แล้ว จากบทบาท “ชักเข้า-ชักออก” กับลีลาบนถนนการเมืองช่วงสำคัญๆที่ผ่านมา
เมื่อลองไล่ชื่อในลำดับถัดมา แน่นอนว่าคนที่มีประสบการณ์เจนจัดที่สุดน่าจะเป็น “นักเลงวังน้ำเย็น” ที่ชื่อ “เสนาะ” แต่บทบาทยามนี้ของ”เสนาะ” เริ่มนิ่ง แต่เมื่อผู้อาวุโสซึ่งลำดับเหนือกว่านายเสนาะจากไปแล้ว เบอร์ 1ก็ต้องยกให้นายเสนาะ เพราะอย่ามองข้ามสายสัมพันธ์ของผู้อาวุโสท่านนี้กับแกนนำบูรพาพยัคฆ์ที่เคยมีไมตรีต่อกันมาเมื่อหลายสิบปีก่อน
ส่วน “พินิจ-สุวัจน์-สุรเกียรติ์-สมศักดิ์” นั้น แม้คนเหล่านี้จะเคยมีบทบาทในการเป็นแกนนำพรรคหรือกลุ่มต่างๆ แต่ยามหน้าสิ่วหน้าขวานของการเมืองวันข้างหน้า จะแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาได้มากน้อยเพียงใด
ขณะที่ “คนโตบุรีรัมย์” น่าจะเป็นเสือซุ่มที่รอจังหวะและโอกาส แม้ “เนวิน” จะประกาศชัดว่าวางมือทางการเมืองและขอมุ่งมั่นทำ “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด” เท่านั้น แต่เมื่อปี่กลองการเมืองดังขึ้น ก็ต้องดูว่า “เนวิน” จะวางบทบาทของตัวเองอย่างไร
ส่วนแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาที่เป็นสายตรงของอดีตคนโตตัวเล็กอย่าง “นิกร จำนง” และ “สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล” หรือเเม้แต่ทายาททางสายเลือดของมังกรเมืองสุพรรณอย่าง “กัญจนาและวราวุธ ศิลปอาชา” นั้น ชื่อ-ชั้นยังไม่ถึงขั้นที่จะทำหน้าที่ผู้จัดการรัฐบาล
บางคนสงสัยว่าทำไมกาชื่อคีย์แมนของพรรคประชาธิปัตย์และแกนนำ กปปส. รวมทั้งขุนพลพรรคเพื่อไทย+ผู้นำกลุ่มคนเสื้อแดงออกไปคำตอบคือ ไม่ว่าอย่างไรเสีย 4 รายชื่อในบรรทัดข้างต้น ไม่มีวันที่จะร่วมมือกันได้อย่างแน่นอน เเล้วอย่างนี้ใครบางคนคงสงสัยว่า ใครจะเหมาะสมกับบทบาทผู้จัดการรัฐบาลการเมืองไทยคำตอบคือ รอสถานการณ์กำหนด
ฉะนั้น จากนี้ไปรอดูกันว่า ใครจะแสดงบารมีได้สมบทบาทผู้จัดการรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะภารกิจที่ต้องรับผิดชอบนั้น หนักหนาและสาหัสยิ่งนัก.