“อัศวิน ขวัญเมือง” ม้ามืด “บิ๊กตู่” หนุนหลัง
“อัศวิน ขวัญเมือง” ม้ามืด “บิ๊กตู่” หนุนหลัง ชัชชาติ อาจกลับบ้านตัวเปล่า
คู่แข่งของ “ชัชชาติ สิทธิ์พันธุ์” ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ ไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็น “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” อดีตผู้ว่าฯ กทม.นั่นเอง
พล.ต.อ.อัศวิน ตัดสินใจลงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.หวังลบคำสบประมาทข้อครหาว่าเป็นผู้ว่าฯจากการแต่งตั้งของ คสช. จึงหวังพิสูจน์ตัวเอง ว่าตลอดเวลา 6 ปีมานี้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม. ผลงานของเขาครองใจคนกรุงเทพได้หรือไม่
ด้วยเหตุนี้ ระหว่างที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. “บิ๊กวิน” จึงซุ่มทำทีม “รักษ์กรุงเทพ” รอเพียง กกต.ประกาศให้มีการเลือกตั้ง จึงจะออกตัวว่าพร้อมเป็นผู้ว่าฯ กทม.ที่มาจากการเลือกตั้ง
ดีไม่ดี อาจกลายเป็นม้ามืด เบียด “ชัชชาติ” ให้กลับบ้านตัวเปล่าก็เป็นได้ เพราะการลงแข่งขันครั้งนี้ พล.ต.อ.อัศวิน ได้รับการสนับสนุนจาก “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ
“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ ส่งสัญญาณเชียร์ สนับสนุน พล.ต.อ.อัศวิน เป็นผู้ว่าฯ กทม.แม้จะไม่ออกปากอย่างตรงไปตรงมา แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็แง้มๆให้ประชาชนคล้อยตามได้อย่างแนบเนียน
วันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 พฤษภาคม ว่า ขอให้ทุกคนใช้สติ มีทั้งสติและปัญญา ในการใคร่ครวญว่าการเลือกใครอะไรต่างๆ สิ่งสำคัญ คนที่จะเข้ามารับหน้าที่เหล่านั้น คือเป็นคนที่มีคุณภาพไหม เป็นคนที่เป็นแบบอย่างของสังคมหรือไม่ เป็นคนที่มีทัศนคติที่ดีหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าว่า ความสามารถของผู้สมัครนั้น ทุกคนมีความสามารถ เข้าเกณฑ์หมด แต่การคิดและการพูด การอ่าน ฟังแล้วดูดี ถ้าเทียบกับที่ผม พูดหลายคนบอกว่าผมพูดได้ไม่ดี แต่ผมอยากรู้ว่าไอ้สิ่งที่พูดและสิ่งที่คิด มันทำได้จริงไหม และสิ่งที่เขาทำมาจนถึงวันนี้มันอยู่ตรงไหน
ประเด็นสำคัญอยู่ตรง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ขอฝากไปถึงประชาชนว่าเราต้องเลือกนักปฏิบัติที่ทำงานได้จริง ทำงานได้สำเร็จ มีผลงานปรากฏ”
นั่นเป็นการส่งสัญญาณโดยตรงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยุให้ประชาชนคน กทม.เลือก “บิ๊กวิน” เพราะเมื่อสืบค้นดู มีผู้สมัครผู้ว่า กทม.ที่ออกตัวว่าเป็น “นักปฏิบัติ” คือ “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง”
ย้อนกลับไปวันที่ วันที่ 24 มีนาคม วันที่ “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” แถลงลาออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. โดย พล.ต.อ.อัศวิน ยกคุณสมบัติเด่นของตัวเองขึ้นมาว่า “ผมเป็นนักปฏิบัติและเป็นนักประสาน”
31 มีนาคม ซึ่งเป็นวันรับสมัครผู้ว่าฯ กทม.วันแรก พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ลงพื้นที่พบปะผู้ประกอบการและประชาชนบริเวณคลองโอ่งอ่าง ถนนจักรวรรดิ แขวงจักรวรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร โดยการพัฒนาคลองโอ่งอ่างนั้น เป็นหนึ่งในโครงการของ พล.ต.อ.อัศวิน ที่ได้รับความนิยม
การลงพื้นที่ครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการสื่อสารเป็นนัยยะว่า โครงการพัฒนาคลองโอ่งอ่าง ของ พล.ต.อ.อัศวิน เป็นหนึ่งในผลงานที่สามารถพลิกโฉม กทม.ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ล่าสุดวันที่ 1 เมษายน พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ไปคลองโอ่งอ่างว่า พอดีนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองสนับสนุนโครงการนี้ คลองสวยน้ำใสเป็นนโยบายของรัฐบาล
“ไม่อยากให้ กทม.กลับไปที่เดิม ไร้ระเบียบ มันก็ดีขึ้นมาตั้งเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เหตุผลที่ พล.อ.ประยุทธ์ สนับสนุน “บิ๊กวิน” เป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็เพราะว่า ต้องการลบข้อครหาว่า ตัวเองแต่งตั้งคนที่ไม่ได้เรื่องนั่งเป็นผู้ว่าฯ กทม.นานถึง 6 ปี ซึ่งหาก พล.ต.อ.อัศวิน ชนะการเลือกตั้ง ก็จะสามารถลบคำสบประมาทนี้ได้
นอกจากนี้ หาก “นายชัชชาติ” ชนะการเลือกตั้ง ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็จะยิ่งเป็นการตกย้ำความตกต่ำคะแนนนิยมรัฐบาล และกระแสของฝั่งทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ก็จะกลับมากระหึ่มอีกครั้ง
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. วิเคาระห์การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.2565 ไว้ตอนหนึ่งว่า “อัศวินจะเป็นม้ามืด” ชัชชาติ อย่าไปคิดนอนใจเชื่อโพลล์ให้มาก เพราะการเลือกตั้ง กทม. ครั้งนี้ เหมือนเลือก 2 ใบ มีทั้งผู้สมัคร “มาเดี่ยว มาพร้อมทีม และมาแบบอีแอบ แฝงคะแนนพรรค ทำตัวเหมือน “เกลียดปลาไหล แต่ซดน้ำแกงโฮกๆ” ไม่ออกตัวว่าอยู่พรรคไหน แต่ก็อาศัยใบบุญฮั้วกันลับหลัง อย่างนี้คนแถวเยาวราชบ้านผมเรียกว่า “ไม่แน่จริง”