ไฟเซอร์เริ่มโครงการนำร่องจัดส่งวัคซีนใน 4 รัฐ

บริษัทไฟเซอร์เริ่มโครงการนำร่องในการจัดส่งเพื่อการทดลองวัคซีนโควิด-19 ใน 4 รัฐของสหรัฐฯ เนื่องจากบริษัทยายักษ์ใหญ่แห่งนี้พยายามหาทางรับมือกับอุปสรรคในการจัดเก็บวัคซีนในอุณหภูมิเย็นจัด
โดยวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์ ซึ่งระบุว่ามีประสิทธิภาพเกิน 90% ในการป้องกันโควิด-19 อ้างอิงจากข้อมูลเบื้องต้น ต้องถูกจัดส่งและจัดเก็บในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานของวัคซีนทั่วไปที่จัดเก็บในอุณหภูมิ 2 – 8 องศาเซลเซียส
“ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผลจากการจัดส่งวัคซีนนำร่องนี้จะเป็นโมเดลสำหรับรัฐอื่นๆในสหรัฐฯและรัฐบาลประเทศอื่นๆ เนื่องจากพวกเขาต้องเตรียมพร้อมที่จะใช้วัคซีนโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ” ไฟเซอร์ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดยบริษัทเลือกรัฐนิวเม็กซิโก โร้ดไอส์แลนด์ เทนเนสซี และเท็กซัส สำหรับโครงการนำร่องนี้หลังจากศึกษาความแตกต่างของขนาดโดยรวม ความหลากหลายของประชากร โครงสร้างพื้นฐานของการสร้างภูมิคุ้มกัน และความจำเป็นในการเข้าถึงประชากรในพื้นที่เขตเมืองและชนบท
อย่างไรก็ตาม ไฟเซอร์ระบุว่า ทั้ง 4 รัฐจะไม่ได้รับวัคซีนเร็วกว่ารัฐอื่นๆ จากอานิสงส์ของโครงการนำร่องนี้ และจะไม่ได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษแต่อย่างใด
บริษัทคาดการณ์ว่าจะมีข้อมูลความปลอดภัยเพียงพอของวัคซีนจากการทดลองขนาดใหญ่ภายในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพ.ย.ก่อนที่จะดำเนินการยื่นขออนุมัติฉุกเฉินเพื่อการใช้งานวัคซีนโดยเร็ว
ไฟเซอร์และบริษัทหุ้นส่วนคือ BioNTech มีดีลข้อตกลงจำนวน 1,950 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯในการจัดหาวัคซีน 100 ล้านโดสให้รัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมีทางเลือกที่จะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอีก 500 ล้านโดส
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน บริษัทคู่แข่งอย่างโมเดอร์นาระบุว่า ผลการทดลองวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทมีประสิทธิภาพ 94.5% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 อ้างอิงจากข้อมูลระหว่างการทดลองในระยะสุดท้าย หนุนให้เกิดความหวังว่าวัคซีนที่จะหยุดไวรัสอาจพร้อมใช้งานในเร็วๆนี้
โดยวัคซีนจากทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นาใช้เทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า messenger RNA เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันต้านไวร้ส