ปธน.‘ไช่อิงเหวิน’ ชนะเลือกตั้งไต้หวันอีกสมัย
ไทเป : เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินคว้าชัยชนะอย่างถล่มทลายในการเลือกตั้ง เหมือนเป็นการส่งสารจากผู้ออกเสียงเลือกตั้งในไต้หวันว่าต่อต้านจีนอย่างชัดเจน และทำให้เธอกลายเป็นผู้นำหญิงคนแรกที่ครองตำแหน่งเป็นสมัยที่ 2
ประธานาธิบดีไช่ ในวัย 63 ปี มีผู้สนับสนุนชาวไต้หวันนับพันคนมาโบกธงแสดงความยินดีกับเธอที่สำนักงานใหญ่ของพรรค ซึ่งเป็นภาพที่ดูจะทำให้จีนไม่พอใจ
“ วันนี้เราได้ปกป้องประชาธิปไตยและเสรีภาพของเรา พรุ่งนี้เราจะยืนหยัดเคียงข้างกันเพื่อก้าวข้ามความท้าทายและความยากลำบากทั้งมวล” เธอกล่าวกับฝูงชนที่ส่งเสียงเชียร์เธอ
ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการชี้ว่า ประธานาธิบดีไช่ได้คะแนนเลือกตั้งถึง 57% โดยมีจำนวนบัตรเลือกตั้งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 8.2 ล้านใบ สูงกว่าชัยชนะของเธอในปี 2559 กว่า 1.3 ล้านใบ
โดยคู่แข่งสำคัญของเธอคือ ฮั่นกัวยู จากพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT) ที่มีความใกล้ชิดกับจีน ได้คะแนน 39% และต้องพ่ายแพ้ไป
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้เหมือนเป็นแรงต้านจีน ซึ่งมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนและแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากให้ไช่ได้เป็นผู้นำอีกสมัย
ในช่วง 4 ปีที่ไช่เป็นผู้นำไต้หวัน จีนได้กดดันไต้หวันทั้งทางเศรษฐกิจ ทางทหาร และทางการทูต โดยหวังว่าจะทำให้ประชาชนขยาดและไม่สนับสนุนไช่อีก แต่นั่นกลับทำให้ประชาชนพากันออกมาใช้สิทธิ์เลือกพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของเธอ โดยได้แรงหนุนสำคัญจากเหตุประท้วงเพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกง
ไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรทางทหารสำคัญของไต้หวัน กล่าวยกย่องชื่นชมไช่ถึง “ข้อผูกพันในการคงเสถียรภาพข้ามช่องแคบในการเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่ยังดำเนินอยู่ ”
คู่แข่งคนสำคัญอย่างฮั่น ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองเกาสงวัย 62 ปี หาเสียงกับผู้สนับสนุนเขาว่าจะหนุนเศรษฐกิจของไต้หวัน และกล่าวหารัฐบาลปัจจุบันว่าทำตัวเป็นศัตรูกับจีน แต่แคมเปญหาเสียงของเขาไม่ได้รับความนิยม และหลายคนมองว่าเขามีความใกล้ชิดกับจีนมากเกินไป
มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งถึง 75% เพิ่มขึ้นเกือบ 10% จากการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน โดยผลอย่างเป็นทางการชี้ว่า พรรค DPP ยังคงครองเสียงข้างมากในสภาเดียวของไต้หวัน 61 ที่นั่งจาก 113 ที่นั่ง ขณะที่พรรค KMT ได้ 38 ที่นั่ง
อย่างไรก็ตาม แม้ไต้หวันจะสนับสนุนความเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในฮ่องกง แต่มีชาวไต้หวันจำนวนมากขึ้นที่เข็ดขยาดกับเหตุการณ์ที่รุนแรง
“ผมไม่อยากให้ประชาธิปไตยในไต้หวันพัฒนาเป็นแบบฮ่องกงตอนนี้” เดนนิส วู แพทย์คนหนึ่งกล่าวกับสื่อ AFP โดยเขามาลงคะแนนเลือกไช่ในกรุงไทเป.