GDP ไตรมาส 4 สหรัฐฯโต 2.2% ตามคาด
ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯชะลอตัวลงในช่วงสุดท้ายของปี 61 โดย GDP อยู่ที่ 2.2% ในไตรมาส 4 กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯรายงานเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา
ตัวเลขล่าสุดเป็นไปตามกรอบการคาดการณ์ในการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์โดยดาวโจนส์ ซึ่งลดลงมาจากการประเมินก่อนหน้านี้คือ 2.6% และทำให้ตัวเลขการเติบโตทั้งปีอยู่ที่ 2.9% ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3 อยู่ที่ 3.4%
ในภาพรวม ปี 61 เป็นปีที่เศรษฐกิจเติบโตดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 58 และดีกว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้น 2.2% ในปี 60 โดยเศรษฐกิจเติบโต 3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ของปี 60
การใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลในระดับรัฐและระดับชาติ และการลงทุนถาวรที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัยถูกปรับลดลง และหักออกจาก GDP การนำเข้าก็ปรับลดลงท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและประเทศคู่ค้าทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขส่งออกที่เพิ่มขึ้น ช่วยหนุนให้ GDP พุ่งขึ้น
โดยรวมแล้ว ไตรมาส 4 ของปี 61 เพิ่มขึ้นแบบชะลอตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 61ไตรมาสนี้ส่งท้ายปีด้วยการเติบโตที่มั่นคง แม้จะชะลอตัวต่ำกว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์หวังว่าจะเห็นเล็กน้อย
ปี 61 เป็นปีแรกที่มีการลดภาษีนิติบุคคลแบบเต็มปีจากที่ผ่านความเห็นชอบเป็นกฎหมายในปี 60 แต่ตัวเลข GDP ลดลงต่ำกว่าเป้าที่ประธานาธิบดีสัญญาไว้ 3% มีการชะลอตัวลงในช่วงท้ายของปีจากการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ลดลง รวมถึงการลงทุนทางธุรกิจที่อ่อนแรงลง และความผันผวนเรื่องสงครามการค้าเป็นประเด็นที่เป็นเหมือนเมฆทะมึนปกคลุมขอบฟ้าเศรษฐกิจ
และปี 62 นี้ สหรัฐฯก็เริ่มต้นปีด้วยความผันผวนทางเศรษฐกิจยิ่งกว่าเดิมทำให้นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าการเติบโตจะชะลอตัว และหลายคนมองหาสัญญาณแรกของภาวะชะงักงัน มีแนวโน้มว่าไตรมาสแรกของปีนี้ GDP จะเติบโตต่ำกว่า 2% โดยธนาคารกลางสหรัฐฯสาขาแอตแลนต้า ชี้ว่ามีแนวโน้มที่จะเติบโต 1.5% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ของสื่อ CNBC มองว่าการเติบโตจะอยู่ที่ 1.5% ในไตรมาสนี้
ทั้งนี้ ตัวเลขการขาดดุลการค้าลดลงอย่างชัดเจนในเดือนม.ค.ปันี้ และผู้ผลิตบางรายในภูมิภาคมีการเติบโตที่ดีกว่าการคาดการณ์
อย่างไรก็ตาม อสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกยังคงคาดการณ์อะไรไม่ได้ และธุรกิจกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิดกับการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนรอบล่าสุด ซึ่งใกล้จะได้ข้อสรุปในวันที่ 28 มี.ค. ในกรุงปักกิ่ง.