สหรัฐฯเร่งนำตัวเด็กผู้อพยพเจอครอบครัว
รัฐบาลสหรัฐฯยังคงมีเด็กผู้อพยพถึง 2,053 คนที่อยู่ในความดูแลโดยถูกแยกจากพ่อแม่ของพวกเขาภายใต้นโยบายผู้อพยพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และเจ้าหน้าที่ระบุว่ามีกระบวนการประสานความร่วมมือกันเพื่อให้ผู้อพยพได้อยู่ร่วมกันทั้งครอบครัวอีกครั้ง
กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิออกเอกสารข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.จากการเผชิญกับคำวิจารณ์จากทนายของพ่อแม่และเด็ก ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามีหลักฐานเพียงเล็กน้อยจากระบบที่มีการจัดการให้ดีขึ้นแล้ว
มีเด็กผู้อพยพ 522 คนซึ่งอยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ชายแดนสหรัฐฯ ได้พบกับพ่อแม่ของพวกเขา อ้างอิงจากเอกสารข้อเท็จจริงของกระทรวง ซึ่งมีการเผยแพร่ใน 3 วันหลังทรัมป์ลงนามคำสั่งให้ยุตินโยบายพรากลูกพรากแม่ของเขาที่พรมแดนสหรัฐฯ – เม็กซิโก
ทรัมป์กลับลำเปลี่ยนใจหลังมีภาพเด็กๆ ผู้อพยพที่นอนในกรง และก่อให้เกิดกระแสความไม่พอใจไปทั่วทั้งในสหรัฐฯและต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ทรัมป์ลดทอนนโยบายที่แข็งกระด้างเรื่องการอพยพเข้าเมือง โดยเรียกร้องให้มีการส่งผู้อพยพที่ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายกลับไปประเทศตัวเองโดยไม่มีกระบวนการทางกฎหมาย
“ รัฐบาลสหรัฐฯ ทราบสถานที่ควบคุมตัวของเด็กๆ ทั้งหมดแล้ว และกำลังทำงานเพื่อให้เด็กๆ และครอบครัวได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ” เอกสารข้อเท็จจริง DHS ระบุ
มีการให้รายละเอียดใหม่เพิ่มเติม หลังมีความสับสนในการกักตัวผู้อพยพพ่อแม่แยกกับลูกตามนโยบายของทรัมป์มานานถึงสองเดือนแล้ว
กระบวนการขับผู้อพยพออกนอกประเทศอาจต้องใช้เวลาหลายเดือนจึงจะเสร็จสมบูรณ์ และเอกสารข้อเท็จจริงไม่ได้ระบุว่า ผู้ปกครองและเด็กจะได้พบหน้ากันอีกครั้งเมื่อไร
จะมีการใช้ศูนย์ควบคุมตัวที่ท่าเรืออิซาเบลในรัฐเท็กซัสเป็นสถานที่ในการรวมตัวและเคลื่อนย้าย อ้างอิงจากรายงานข่าว
ทนายระบุว่า พ่อแม่จำนวนมากมีแผนจะขอลี้ภัย แต่ในเอกสารไม่ได้ระบุว่า การรวมตัวของพวกเขากับลูกๆ จะมีการจัดการในกรณีนี้อย่างไร
เอกสารยังระบุว่า เด็กๆ จะมีโอกาสที่จะพูดกับพ่อแม่ หรือญาติภายใน 24 ชั่วโมงที่มาถึงด้วยการจัดการจากกระทรวงบริการสุขภาพและมนุษยฺ์
Sirine Shebaya นักกฎหมายอาวุโสของ Muslim Advocates กล่าวว่า เธอและนักกฎหมายอีก 2 คนได้พบผู้ที่ถูกควบคุมตัวที่ศูนย์ผู้อพยพอเมริกันที่ท่าเรืออิซาเบลเมื่อวันที่ 22 – 23 มิ.ย. โดยทั้งหมดถูกแยกจากลูกๆ เธอกล่าวในการให้สัมภาษณ์ก่อนที่จะมีการเผยแพร่เอกสารข้อเท็จจริง
มีการให้เบอร์โทรศัพท์ของหน่วยงานกับผู้อพยพเพื่อโทรสอบถามที่อยู่ของลูกๆ แต่พบว่าไม่มีคนรับสายบ้าง หรือโทรไม่ได้บ้าง หากพวกเขาพยายามจะคุยกับคนในสาย ก็มักจะได้รับแจ้งว่าจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับมา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์สำหรับพวกเขาที่อยู่ในศูนย์ควบคุมตัว
“ เมื่อพวกเขาโทรศัพท์ ก็มักจะเป็นสายที่คุยได้สั้นๆ ประมาณ 1-2 นาที และเด็กๆไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน เด็กบางคนรู้และบอกได้ว่า “ โอเค หนูอยู่ในมิชิแกน” แต่พวกเขาก็ไม่รู้อะไรมากกว่านั้น ”