แนะรัฐฯเข็นมาตรการช่วยอสังหาฯ สู้โควิด-19
เน็กซัส ชี้วิกฤต”โควิด-19″ จุดเปลี่ยนอสังหาฯของไทย พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแบบพลิกฝ่ามือ ระบุหากไวรัสระบาดลากยาวผู้ประกอบการเจ๊ง วอนรัฐออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ
นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ประเมินสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์หลังวิกฤตโควิด-19 ว่า ปีนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการระบายสต๊อกเก่า โดยซัปพลายคงค้างคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯสิ้นปีที่ผ่านมา มีประมาณ 60,000 ยูนิต และมีแนวโน้มจะมีอัตราดูดซับไปได้ 80% โดยจะเห็นผู้ประกอบการลดราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย อย่างไรก็ตาม ได้ประเมินผลของวิกฤตโควิด-19 ลากไม่สามารถลดปริมาณผู้ติดเชื้อได้ ผู้ประกอบการภาคเอกชนจะอยู่ได้ยาวที่สุดอีกเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น และจะเป็นงานหนักสำหรับผู้ประกอบการ เพราะเมื่อภาคธุรกิจขาดสภาพคล่อง ปิดตัวลง ทำให้เม็ดเงินในกระเป๋าของผู้บริโภคลดลง จะส่งผลต่อการตัดสินใจชะลอการซื้อ จะกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นตามไปด้วย
“แต่หากสามารถควบคุมและผู้ติดเชื้อลดลงจนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ประเมินว่า ในช่วงไตรมาส 2 นี้ ตลาดอสังหาฯก็จะยังไม่สดใสนัก แต่จะเห็นแนวโน้มที่จะค่อยๆ ดีขึ้น ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มปรับตัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ้าง แต่จะเห็นว่าทุกอย่างจะกลับมาดีขึ้นอย่างจริงจังในไตรมาส 3 และดีที่สุดในไตรมาสที่ 4 และรัฐบาลน่าจะหันกลับให้ความสำคัญต่อภาคอสังหาฯ โดยจะมีมาตรการช่วยเหลือออกมาเพื่อให้ภาคอสังหาฯยังคงเดินต่อไปได้ ซึ่งจะทำให้ตลาดรีบาวนด์กลับมาอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการลดค่าโอน ที่ขยายให้ครอบคลุมทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ การยืดหยุ่นภาษีธุรกิจเฉพาะ การผ่อนปรนมาตรการ LTV การผ่อนคลายกฎเกณฑ์การถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินของชาวต่างชาติ โดยอาจปรับให้สามารถซื้อที่ดินหรือบ้านในโครงการจัดสรรที่พัฒนาเพื่อที่อยู่อาศัยได้ ซึ่งกำลังซื้อจากต่างชาติจะช่วยให้ตลาดอสังหาฯไทยกลับมาได้เร็วมากยิ่งขึ้น“
ทั้งนี้ ประเมินว่า กลุ่มตลาดคอนโดมิเนียมราคาไม่เกิน 4 ล้านบาท จะกลับมาได้รับความสนใจอย่างรวดเร็วหลังโควิด-19 เพราะเป็นราคาที่คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่รับได้ และเป็นเรียลดีมานด์ที่ต้องการอยู่อาศัยเลย
อย่างไรก็ตาม ผลจากความคุ้นชินในการทำงานที่บ้าน รูปแบบการดีไซน์คอนโดฯหรือบ้าน จะต้องปรับให้เหมาะสมกับความจำเป็นที่จะเกิดขึ้น เช่น ห้องนอน ห้องครัว แบบรองรับคนเพียงคนเดียว จะเป็นรูปแบบที่ถูกได้รับความสำคัญมากอย่างยิ่ง เพราะคนใช้ชีวิตกับตัวเองมากขึ้น รวมถึงการให้น้ำหนักไปกับ Living Room หรือห้องทำงานมากกว่าห้องนอน โดยคาดว่าจะเห็นสินค้าใหม่ๆ รูปแบบนี้ออกมาจากดีเวลลอปเปอร์ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปี 2563.