ธ.ก.ส.อัดแสนล้านขับเคลื่อนธุรกิจชุมชน
ธ.ก.ส.ร่วมโครงการประชารัฐสร้างไทย บูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ นำร่องร่วมพัฒนาล้านนา พื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน หวังขับเคลื่อนธุรกิจชุมชน ตามนโยบายขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ตั้งเป้าพัฒนา 928 ชุมชนภายในสิ้นปีนี้ และขยับเป็น 9,000 ชุมชมในปี 64 ตั้งเป้าปล่อยกู้กว่า 1 แสนล้านบาท
นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวภายหลังเข้าร่วมพิธีเปิดโครงการประชารัฐสร้างไทย พัฒนาล้านนา และมอบนโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนแก่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน จาก นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ว่า กิจกรรมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “ประชารัฐสร้างไทย” ที่เป็นการร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน ธ.ก.ส. ธนาคารออมสิน เอสเอ็มอีแบงก์ กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง สภาเกษตรกรแห่งชาติ ภาครัฐ เอกชนและประชาชนในพื้นที่ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ผ่านการปฏิรูปโครงสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง การสนับสนุนทั้งความรู้และการเงิน แก่เกษตรกร ชุมชน การสร้างโอกาส สร้างอาชีพ สร้างรายได้ผ่านตลาดประชารัฐ การท่องเที่ยวชุมชน เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งและครอบคลุมในทุกๆ ด้าน
ทั้งนี้ ธ.ก.ส. ได้นำนโยบายมาจัดทำเป็นโครงการธุรกิจชุมชนสร้างไทย โดยสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจของคนในชุมชน ประกอบด้วย กิจกรรมการผลิต กิจกรรมขายผลผลิต กิจกรรมการซื้อและบริโภคของคนในชุมชนอย่างมีส่วนร่วม สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน โดยใช้ทรัพยากรของชุมชน มีการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเกื้อกูลและเป็นธรรม โดยมีแนวทางในการขับเคลื่อนที่เริ่มจากการค้นหาและศึกษาความต้องการของชุมชน ทั้งโอกาส ศักยภาพ ปัญหา แนวทางพัฒนาและแก้ไข เหมือนการระเบิดจากภายใน จากนั้นจึงเริ่มพัฒนา สร้างความเข้มแข็ง โดยยึดหลักตลาดนำการผลิตและมีการกำหนดแผนธุรกิจที่ชัดเจน ผสานความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนในด้านความรู้ เทคโนโลยีนวัตกรรม งานวิจัย และงบประมาณ อีกทั้ง ธ.ก.ส. ยังช่วยสนับสนุนสินเชื่อให้กับ Smart Farmer ผู้ประกอบการ SME เกษตร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์การเกษตร เพื่อทำให้เกิด ผลลัพธ์ คือ ความมั่นคงของเศรษฐกิจฐานราก มีภูมิคุ้มกัน มีรายได้ สวัสดิการสังคม และโอกาสทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น
โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายของโครงการ คือ SMART Farmer SMEs หัวขบวน วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์การเกษตร ซึ่งแบ่งพื้นที่ดำเนินการเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ด้านเกษตรกรรม (กลุ่มการผลิต กลุ่มบริการและกลุ่มรวบรวม) ด้านท่องเที่ยว (กลุ่มที่พักโฮมสเตย์ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มนำเที่ยวและขนส่ง กลุ่มผลิตภัณฑ์ชุมชม) และด้านอุตสาหกรรม (กลุ่มแปรรูปและกลุ่ม Logistics) ตั้งเป้าขับเคลื่อนให้ได้ 928 ชุมชน ภายในสิ้นปี 62 และเป็น 9,000 ชุมชน ภายในปี 64
นายอภิรมย์กล่าวอีกว่า ธ.ก.ส.ยังได้นำเสนอโมเดลการพัฒนาธุรกิจชุมชนที่มีศักยภาพนำร่อง 8 จังหวัด ได้แก่ ตัวอย่างพัฒนาธุรกิจชุมชนเพื่อเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว เช่น ชุมชนบ้านโป่งสามัคคี อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่, ชุมชนบ้านทากู่ อ.แม่ทา จ.ลำพูน, ชุมชนบ้านแม่แจ๋ม อ.เมืองปาน จ.ลำปาง, ชุมชนบ้านโป่งศรีนคร อ.ป่าแดด จ.เชียงราย, ชุมชนบ้านนาปลาจาด อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน และตัวอย่างชุมชนที่มีการบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่คุณค่าสินค้าเกษตรในพืชเศรษฐกิจหลัก เช่น ธุรกิจชุมชนบ้านบัว อ.เมือง จ.พะเยา, ธุรกิจชุมชนบ้านปางปุก อ.สองแคว จ.น่าน และชุมชน ต.บ้านกวาง อ.สูงเม่น จ.แพร่ ซึ่งกลุ่มเหล่านี้ได้รับการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อสร้างธุรกิจชุมชน
นอกจากนี้ ธ.ก.ส.พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจชุมชนด้วยการสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อขยายโอกาสในด้านต่างๆ ทั้งเงินทุน องค์ความรู้ และเทคโนโลยี ให้แก่คนในชุมชน ได้ครอบคลุม ลดปัญหา ความเหลื่อมล้ำ ยกระดับห่วงโซ่มูลค่าการผลิต อุตสาหกรรม และบริการต่างๆ เพื่อสร้าง SMART Farmer ผู้ประกอบการ SMEs วิสาหกิจชุมชน และพัฒนาธุรกิจสหกรณ์ สู่การสร้างความยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจฐานราก โดยการอำนวยสินเชื่อรวมกว่า 100,000 ล้านบาท ภายในปี 64.