ธพว.เล็งออกบอนด์2 หมื่นล.ลุยปล่อยกู้
ธพว.เผยปล่อยสินเชื่อไตรมาสแรกปี62 เข้าเป้า1 หมื่นล้านบาท ประกาศเดินหน้าการตลาดเชิงรุก ดัน“3 เติม” หนุนยอดปล่อยสินเชื่อปีนี้ถึง6 หมื่นล้านบาท ทุ่ม600 ล้านบาทยกระดับสู่“ดิจิทัลแบงก์กิ้งเพื่อคนตัวเล็ก” เล็งออกพันธมิตร2 หมื่นล้านบาทระดมทุนปล่อยกู้
นายพงชาญ สำเภาเงิน รองกรรมการผู้จัดการ รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวถึงยอดปล่อยสินเชื่อประจำไตรมาส 1 ปี 2562 ว่า มียอดรวมกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้และมั่นใจว่าภายในปีนี้สามารถปล่อยสินเชื่อได้ถึง 60,000 ล้านบาท เนื่องจากธนาคารฯมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำถูกใจผู้ประกอบการรายย่อย เช่นสินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนผ่อนนาน 7 ปี คิดอัตราดอกเบี้ยพิเศษบุคคลธรรมดา 3 ปีแรก เพียง 0.417% ต่อเดือนปี 4-7 อัตรา MLR ต่อปีวงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาท และหากเป็นนิติบุคคลอัตราดอกเบี้ยถูกลงไปอีก 3 ปีแรกเพียง 0.25% ต่อเดือนปี 4-7 อัตรา MLR ต่อปี สามารถใช้บสย.ค้ำประกันได้
ควบคู่กระบวนการให้บริการเข้าถึงง่ายสะดวกสามารถยื่นกู้ได้ทุกเวลาทุกสถานที่ผ่านแอปพลิเคชัน SME D Bank และ“หน่วยรถม้าเติมทุนส่งเสริม SMEs ไทยฉับไวไปถึงถิ่น” ซึ่งเป็นบริการเคลื่อนที่พบผู้ประกอบการถึงสถานประกอบการสามารถพิจารณาอนุมัติสินเชื่อได้ในเวลา 7 วันโดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
“นับตั้งแต่ต้นเม.ย.ที่ผ่านมา ธนาคารฯดำเนินแผนทำตลาดเชิงรุกด้วยกิจกรรม “รถม้าเติมสุขถึงถิ่นทั่วไทย” โดยผู้บริหารระดับสูง และพนักงานจะแบ่งทีมเดินสายกระจายลงพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศทุกสัปดาห์เพื่อแนะนำผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเข้าถึงบริการ “3 เติม” ของธนาคารที่จะช่วยสร้างความสุขและยกระดับคุณภาพชีวิตได้แก่“เติมทักษะ” ผ่านกิจกรรมสัมมนาอบรมความรู้เสริมช่องทางตลาด“เติมทุน” แนะนำสินเชื่อดอกเบี้ยถูกต่างๆ และ“เติมคุณภาพชีวิต” สนับสนุนผู้ประกอบการพาเข้าถึงสวัสดิการภาครัฐสร้างความมั่นคงในชีวิต”
นายพงชาญกล่าวอีกว่า ธนาคารฯพร้อมมุ่งยกระดับการทำงานสู่การเป็นดิจิทัลแบงก์กิ้งเพื่อเอสเอ็มอีคนตัวเล็กเต็มรูปแบบโดยจัดงบลงทุนกว่า 600 ล้านบาทสร้างระบบ core banking ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีน มาพัฒนาระบบ ซึ่งจะใช้อินเตอร์เน็ตเชื่อมโยงการทำธุรกรรมเบ็ดเสร็จครบวงจร โดยเริ่มพัฒนาระบบตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาและคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์แบบภายใน 2 ปี
“การยกระดับธนาคารสู่ดิจิทัลแบงก์กิ้งจะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายย่อยนอกระบบที่มีอยู่กว่า 3 ล้านบาท สามารถเข้าถึงบริการ 3 เติมของ SME D Bank ได้ทั่วถึงและสะดวกยิ่งขึ้น ช่วยให้เอสเอ็มอีคนตัวเล็กเพิ่มขีดความสามารถ ลดความเหลื่อมล้ำขจัดความยากจนนำสังคมไทยอยู่ดีมีสุขเติบโตอย่างมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืน” นายพงชาญระบุ
นอกจากนั้น ธนาคารฯยังเร่งบริหารจัดการหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) โดยให้บริษัทติดตามหนี้มืออาชีพมาทำหน้าที่ติดตามหนี้ในรายลูกค้าที่ไม่ให้ความร่วมมือกับธนาคารและเป็นหนี้เสียมายาวนาน โดยใช้วิธีแบ่งผลกำไรกันช่วยให้ลดค่าใช้จ่ายในการติดตามหนี้ รวมถึงทยอยขายทอดตลาดหนี้ด้อยคุณภาพซึ่งหยุดดำเนินกิจการเลิกกิจการประวิงเวลาการชำระหนี้หรือไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขหนี้ ส่วนมากเป็นรายใหญ่มีดินและสิ่งปลูกสร้างเช่นโรงสีสนามกอล์ฟเป็นต้น ซึ่งการขายหนี้เสียออกไปนั้นจะก่อประโยชน์ต่อธนาคาร สามารถระดมเงินทุนเพื่อนำมาปล่อยสินเชื่อคุณภาพดีให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต่อไปได้รวมถึงช่วยลดหนี้เสียซึ่งภายในปีนี้คาดว่าจะเหลือไม่เกิน 10% ช่วยให้สถานะทางการเงินของธนาคารมั่นคงเข้มแข็งยิ่งขึ้นไปอีก
อีกทั้งยังเตรียมแผนออกพันธบัตรต่อเนื่องในปี 2562 เพื่อระดมเงินฝากมาปล่อยสินเชื่อ โดยจะออกครั้งละ 5,000 ล้านบาท จำนวน 4 ครั้งรวมเป็นวงเงิน 20,000 ล้านบาท เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเนื่องจากผลตอบแทนอยู่ในระดับสูงประกอบกับธนาคารได้รับจัดอับดับเรตติ้งองค์กรจากบริษัทฟิทช์เรทติ้งส์ระดับ AAA ถือเป็นระดับสูงสุดเท่ากับเรตติ้งของรัฐบาลไทย.