KBANK ตั้งเป้า AUM ปี 64 โต 10-15%
KBANK Private Banking ตั้งเป้าเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหารปี 64 เติบโต 10-15% จากปัจจุบัน 8 แสนล้านบาท ผลตอบแทนเฉลี่ยคาดที่ 5% ต่อปี เน้นลงทุนหุ้นโลก-หุ้นจีน-ทองคำ สานต่อกลยุทธ์ 3S – Sustainability – Sharing – New S-Curve
นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ในปี2564 ธนาคารตั้งเป้าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) เพิ่มขึ้น 10-15% จากปัจจุบันที่มีประมาณ 806,000 ล้านบาท มาจากการเติบโตของลูกค้าใหม่ การเติบโตของสินทรัพย์ลูกค้าเดิมที่ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 12,000 ราย และลูกค้าในกลุ่ม Land Loan for Investment ส่วนผลตอบแทนเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 5%
สำหรับกลยุทธ์ในการลงทุนปีหน้า ยังต้องลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดหุ้นจีน เพราะยังมีการเติบโตได้ต่อเนื่องจากปีนี้ โดยเลือกหุ้นในกลุ่มเอเชีย หรือ หุ้นที่เปลี่ยนแปลงไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจ ส่วนนักลงทุนที่ชอบฝากเงิน หากเน้นผลตอบแทนสูงควรลงทุนในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ หรือ ตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูง ขณะที่ทองคำแม้จะปรับตัวลดลงแต่ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย
นอกจากนี้ นักลงทุนจะต้องมองหาโอกาสในการลงทุนในหุ้นนอกตลาด ตราสารหนี้นอกตลาด ซึ่งกลุ่มพวกนี้ไม่มีราคาตลาด ส่งผลให้เวลาที่ตลาดผันผวนมากกลุ่มดังกล่าวจะไม่ค่อยมีความผันผวน และแนะนำการลงทุนในกลุ่มยั่งยืน (Sustainability) เป็นต้น ขณะที่กลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงในการลงทุน คือ สินทรัพย์ที่เป็นสกุลดอลลาร์
โดยธนาคารฯยังเชื่อมั่นในกลยุทธ์การลงทุนด้วยหลักการกระจายความเสี่ยงทั้งใน Core และ Satellite ซึ่งหลากหลายกองทุนที่ธนาคารฯ แนะนำสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างโดดเด่น เช่น กองทุน K-GA กองทุน K-CCTV ที่เป็นการรวมหุ้นจีน A-shares กองทุน K-CHANGE ที่เป็นกองทุนรวมหุ้นที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก และ กองทุน K-HIT ที่รวมหุ้น 4 Mega trends เป็นต้น ทั้งนี้กลยุทธ์การลงทุนของธนาคารฯ ยังคงแนะนำให้ลูกค้าถือพอร์ต K-Alpha ต่อ ควบคู่กับพอร์ต Aspiration ที่เน้นการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือก (Alternatives) และเน้นการลงทุนระยะยาว โดยในปี 2563 นี้สามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 9%
และธนาคารฯ ยังคงสานต่อกลยุทธ์ 3S โดย S แรกคือ Sustainability ผ่านการแนะนำการลงทุนด้วยเป้าหมายที่มีความยั่งยืน ทั้งการมองหาและริเริ่มการลงทุนที่สร้างผลกระทบในเชิงบวก (Positive Investment) ทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม S ที่สอง คือ Sharing เพราะธนาคารฯ เชื่อว่าบุคคลและสังคมต้องเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน ธนาคารฯ จึงร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งองค์กรสาธารณกุศล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุน และสร้างความกลมเกลียวให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างยั่งยืน และ S ที่สาม คือ New S-Curve โดยธนาคารฯ เปิดโอกาสต่อยอดความมั่งคั่งให้กับลูกค้า เช่น การลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคตที่ต่างประเทศผ่านทางกองทุนรวม
สำหรับบริการที่ปรึกษาด้านการบริหารสินทรัพย์ครอบครัว(Family Wealth Planning Service) ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญที่จะสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าของธนาคารในเชิงลึกและเปิดโอกาสในการขยายฐานลูกค้าใหม่ โดยในปี 2564 มีแผนที่จะเพิ่มบริการในเรื่องการช่วยจัดตั้งสำนักงานครอบครัว และงานด้านสาธารณกุศล รวมถึงการจัดกิจกรรมการลงทุนตามความชอบ เช่น การสะสมงานศิลปะ พระเครื่อง เป็นต้น
นอกจากนี้จะเน้นบริการที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Advisory Service) ที่ให้คำปรึกษาเรื่องการใช้ประโยชน์ โดยปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 100 รายให้ความสนใจ และธนาคารฯได้อนุมัติวงเงินไปแล้วประมาณ 9,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างดำเนินการอีกกว่า 5,000 ล้านบาท
ความภูมิใจสูงสุดของธนาคารฯ ในปีนี้ก็คือการเป็นผู้ให้บริการไพรเวทแบงกิ้งที่ได้รับรางวัลมากที่สุด รวม 15 รางวัล จาก 9 สถาบันระดับสากลทั่วโลก อาทิ รางวัล Best Private Bank ของประเทศไทย จากหลายสถาบัน เช่น The Asset Triple A, PWM/The Banker และ Finance Asia รวมถึง รางวัล Best Private Bank for Portfolio Management Technology ของภูมิภาคเอเชีย จาก PWM ที่สะท้อนความเป็นผู้นำระดับเอเชีย ในการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดการพอร์ตการลงทุนให้กับลูกค้า