ธุรกิจร้านอาหารในจีนโต แม้มีสงครามการค้า
ผู้บริโภคชาวจีนไม่ยอมให้ความผันผวนของสงครามการค้า หรือเศรษฐกิจที่ชะลอตัวมีผลกระทบกับความอยากกินอาหารของพวกเขา
ภาคส่วนอาหารและเครื่องดื่มของจีนกำลังบูมและจะกลายเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าทะลุล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอีก 2 -3 ปีหน้า หากยังคงรักษากระแสการเติบโตเช่นนี้ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง และอาจแซงสหรัฐฯขึ้นเป็นตลาดอาหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก
แรงขับเคลื่อนสำคัญคือจำนวนคนรุ่นใหม่มากขึ้นที่รับประทานมื้อค่ำนอกบ้าน หรือใช้บริการส่งอาหารหลังจากทำงานดึกที่ออฟฟิศ จากความเห็นของนักวิเคราะห์
แจ็คกี้ หว่อง หุ้นส่วนด้านที่พักและบริการของ Deloitte China ระบุว่า หนุ่มสาวที่เกิดในทศวรรษ 1990 เป็นผู้บริโภคเกินครึ่งของยอดขายบริการจัดอาหารในปีที่แล้ว
“ พวกเขามักจะทำงานล่วงเวลา อยู่ดึกและต้องการสิ่งที่ตอบสนองรวดเร็ว บริการจัดส่งเครื่องดื่มและอาหารเป็นตัวเลือกแรกๆของพวกเขา ” หว่องระบุ
ข้อมูลจากเดือนก.ค.ของสำนักงานสถิติแห่งชาติชี้ว่า รายได้จากการจัดอาหารในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้เติบโต 9.4% สูงเกือบเท่ายอดขายตลอดทั้งปีมูลค่า 628,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ( 19.17 ล้านล้านบาท )
ของปีที่แล้ว โดยข้อมูลชี้ว่า อาหารและเครื่องดื่มคิดเป็น 11.2% ของมูลค่าค้าปลีกสินค้าบริโภคโดยรวมของจีน
คาดการณ์ว่า ภาคส่วนนี้จะเติบโตถึง 927,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (28.30 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2566 อ้างจากข้อมูลของดร.นีล หวัง ประธาน Frost and Sullivan ขณะที่สมาคมร้านอาหารแห่งชาติของสหรัฐฯคาดการณ์ว่า รายได้ของร้านอาหารจะแตะ 863,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (26.34 ล้านล้านบาท) ในปีนี้
เชนร้านอาหารที่มีการเติบโตในจีนกำลังสร้างโอกาสการลงทุนใหม่ และทำให้ผู้ก่อตั้งธุรกิจร่ำรวยสุดๆ
ขณะเดียวกัน ธุรกิจร้านอาหารที่มีฐานในฮ่องกงกำลังพยายามบุกตลาดจีนเพื่อชดเชยสภาพที่ยากลำบากในฮ่องกง
ตัวอย่างเช่น Cafe de Coral เชนร้านอาหารของครอบครัวที่ก่อตั้งมานานถึงครึ่งศตวรรษ ทำรายได้มากถึง 85% ในฮ่องกง แต่การเติบโตในฮ่องกงซบเซามานานสองปี ขณะที่ร้านสาขาในจีนมีการเติบโตถึง 7% บริษัทกำลังขยายเครือข่ายร้านอาหารในจีน และมีแผนจะเปิดอีกกว่า 20 สาขาในจีน.