บริษัทร่วม CKPower ออก Green Bond ในไทยครั้งแรก 8.4 พันล้านบาท
บริษัทร่วม CKPower ออก Green Bond ในไทยครั้งแรก 8.4 พันล้านบาท โดยเป็นยอด greenshoe ถึง 3.4 พันล้านบาท จากยอดการจองเกินคาด
นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ CKPower (ชื่อย่อหลักทรัพย์: CKP) หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ในฐานะกรรมการบริหาร บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (XPCL) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา XPCL ซึ่งเป็นบริษัทร่วมของ CKPower ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 42.5 ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ กรีนบอนด์ (Green Bond) ครั้งที่ 1/2565 ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ให้แก่นักลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศไทย โดยมีธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้ และเป็นที่น่ายินดีที่หุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนี้ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ทำให้มียอดขายรวมถึง 8,395 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดเสนอขาย 5,000 ล้านบาท และยอดเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe Option) อีกถึง 3,395 ล้านบาท
สำหรับหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ของ XPCL ที่เสนอขายในครั้งนี้ ถือเป็นการเสนอขายครั้งแรก ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” ขณะที่ XPCL มีอันดับเครดิตองค์กรที่ “A-“ แนวโน้ม ”คงที่” โดยหุ้นกู้ที่ออกในครั้งนี้ มี 3 ชุด คือ หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2568 จำนวน 4,031 ล้านบาท ที่อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.50 หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 4 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2569 จำนวน 1,258 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.75 และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 5 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2570 จำนวน 3,106 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 5.00
นายธนวัฒน์ กล่าวว่า เงินที่ได้รับจากการออกหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ในครั้งนี้ ทาง XPCLจะนำไปชำระคืนเงินกู้ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ อีกทั้งช่วยลดต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยของ XPCL และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของ XPCL ในช่วงที่สถานการณ์อัตราดอกเบี้ยกำลังอยู่ในขาขึ้นอีกด้วย
“ทางบริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ในประเทศ ที่เห็นความตั้งใจ และให้ความเชื่อมั่นในระบบการบริหารจัดการองค์กรที่ยึดหลัก ESG รวมถึงมีความมุ่งมั่นในการที่จะผลิตพลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ของเครือ CKPower และให้การสนับสนุนการออกและเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมครั้งแรกในประเทศไทย ของ XPCL ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ท่ามกลางสภาพตลาดที่ยังคงมีความผันผวน” นายธนวัฒน์ กล่าว
XPCL เป็นบริษัทที่จดทะเบียนใน สปป.ลาว และได้รับสัมปทานจากรัฐบาล สปป.ลาว ให้ออกแบบ พัฒนา ก่อสร้าง และดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี มีกำลังผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ มีระยะเวลาสัมปทาน 31 ปี นับตั้งแต่วันเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2562
XPCL ผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังน้ำได้ประมาณ 7,600 ล้านหน่วยต่อปี (GWh/Year) ซึ่งจัดเป็นพลังงานทดแทน (Renewable Energy) เป็นพลังงานสะอาดที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สามารถช่วยลดการปล่อย CO2 ได้ถึงประมาณ 3.8 ล้านตัน (tCO2e) ต่อปี โดยการออกหุ้นกู้ Green Bond ของ XPCL ในครั้งนี้ เป็นการออกภายได้ Green Bond Framework ของ XPCL ที่ได้ผ่านการสอบทานโดยองค์กรรับรองมาตรฐานชั้นนำของโลก DNV ในฐานะผู้สอบทานอิสระ (Independent External Reviewer) ว่าเป็นไปตามมาตรฐาน Green Bond Principles 2021, Green Loan Principles 2021 และ ASEAN Green Bond Standards 2018 ซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยันถึงมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมของ XPCL ได้เป็นอย่างดี
ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 XPCL มีรายได้ 2,735 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 ที่มีรายได้ 2,272 ล้านบาท โดยบริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 2,276 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ข้อมูลเกี่ยวกับ CKPower : บริษัทฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่าง ๆ 3 ประเภท จำนวน 13 แห่ง รวมขนาดกำลังการผลิตติดตั้งที่ 2,167 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย (1) โรงไฟฟ้าพลังน้ำ 2 แห่ง ภายใต้ บริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 46% (ถือผ่าน บริษัท เซาท์อีสท์ เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 615 เมกะวัตต์ และบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 42.5% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,285 เมกะวัตต์ (2) โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม จำนวน 2 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่ 65% ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 238 เมกะวัตต์ และ (3) โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 แห่ง ภายใต้ บริษัท บางเขนชัย จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 100% จำนวน 7 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 15 เมกะวัตต์ ภายใต้ บริษัท เชียงราย โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 8 เมกะวัตต์ และภายใต้บริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 30% จำนวน 1 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 6 เมกะวัตต์