ขนมข้าวเกรียบอินโดฯ ขายดี
“เกอรูปุ” หรือขนมข้าวเกรียบขายดีในงาน “Asia Thaifex” ที่เมืองทองธานี กรุงเทพฯ กวาดออเดอร์ 34 ล้านบาท หวังเปิดประตูสู่เวทีโลก
หนังสือพิมพ์เดอะจาการ์ตาโพสต์ ของอินโดนีเซียรายงานเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า ขนมข้าวเกรียบกุ้งของอินโดนีเซียหรือที่คนท้องถิ่นเมืองอิเหนา เรียกว่า “เกอรูปุ” (kerupuk) กลายเป็นพระเอกในกลุ่มสินค้าอื่นๆ ที่จัดแสดงที่บูทแสดงสินค้าของอินโดนีเซียระหว่างงานแสดงสินค้าด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย หรือ “Asia Thaifex 2016” ที่เมืองทองธานี ย่านแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้ หลังจากขนมเคี้ยวกรุบกรอบเกอรูปุได้ยอดออร์เดอร์สั่งซื้อมากกว่า 35 ตู้คอนเทนเนอร์ มูลค่า 12,900 ล้านรูเปีย หรือราว 34,200,000 บาท (950,000 ดอลลาร์) จากระยะเวลาจัดงานเอเชีย ไทยเฟกซ์ 2016 แค่ 5 วัน คือช่วงวันที่ 25-29 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งกลุ่มบริษัทของอินโดนีเซียได้รับการสนับสนุนให้มาร่วมออกบูทโดยกระทรวงการค้าและกระทรวงอุตสาหกรรมของอินโดนีเซีย ขณะที่ปริมาณการสั่งซื้อดังกล่าว บริษัท Indonesia Selamat Sejahtera เจ้าของผู้ผลิตขนมข้าวเกรียบ ได้ออร์เดอร์จากจีนที่ซื้อข้าวเกรียบกุ้ง 15 คอนเทนเนอร์และเกาหลีใต้สั่งซื้อข้าวเกรียบปลาอีก 20 ตู้คอนเทนเนอร์
นอกจากข้าวเกรียบเกอรูปุแล้ว ผลิตภัณฑ์อาหารทะเลของอินโดนีเซียที่ผลิตโดยบริษัทเฟรช ออน ไทม์ก็ได้รับความสนใจสั่งซื้อจากกลุ่มผู้ซื้อหลายประเทศด้วยกันทั้งจากสหรัฐฯ เม็กซิโก และสหภาพยุโรป (อียู) โดยผลิตภัณฑ์คล้ายกันนี้ที่ผลิตโดยบริษัทเมดาน ทรอปิคอล ยังสามารถทำสัญญาเปิดตัวแทนจำหน่ายได้ในไทยและอียูอีกด้วย
ทั้งนี้มีบริษัทต่างๆ รวม 41 แห่งของอินโดนีเซียที่ได้โอกาสมาร่วมงานไทยเฟกซ์ 2016 โดยบริษัท 21 แห่งในนี้ได้รับการสนับสนุนโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ส่วนอีก 10 บริษัทได้รับการสนับสนุนจากอุปทูตด้านการค้าของอินโดนีเซีย และอีก 4 บริษัทได้รับการสนับสนุนจากศูนย์บริการการค้าและอุตสาหกรรมของสำนักงานทางการท้องถิ่นจังหวัดชะวากลาง โดยมีเพียง 6 บริษัทที่เข้าร่วมโดยไม่มีการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยกลุ่มบริษัทเหล่านี้นำผลิตภัณฑ์ด้านต่างๆ มาจัดแสดงหาพันธมิตรคู่ค้าไล่ตั้งแต่อาหารทะเล ขนมหวาน กาแฟ ชาเขียว ยาและอื่นๆ ซึ่งต้องแข่งกับบริษัทต่างๆ กว่า 964 บริษัท จากทั่วโลกที่มาร่วมงาน
เจ้าหน้าที่อินโดนีเซียคนหนึ่งเผยว่างานไทยเฟกซ์ ถือเป็นประตูให้ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มไปสู่ประเทศอื่นๆ ได้รู้จักกลุ่มผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มของอินโดนีเซียจึงไม่ควรพลาดโอกาส.