อินเดียประท้วงรัฐบาลเลิกใช้ธนบัตร
ประชาชนหลายพันคนรวมตัวชุมนุมตามเมืองใหญ่หลายเมืองในอินเดียเพื่อประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่ยกเลิกการใช้ธนบัตรที่มีหน่วยเงินที่ประชาชนถือครองมากที่สุด
เมื่อต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา มีการประกาศยกเลิกการใช้ธนบัตรใบละ 500 และ 1,000 รูปีเพียงชั่วข้ามคืนก่อให้เกิดความปั่นป่วนโกลาหลในหมู่ประชาชนที่ต้องไปยืนต่อแถวหน้าธนาคารยาวเหยียดเพื่อขอแลกเป็นธนบัตรใหม่
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดิกล่าวปกป้องการตัดสินใจครั้งนี้ของรัฐบาลว่า นี่เป็นมาตรการเพื่อต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น แต่พรรคการเมืองฝ่ายค้านกล่าวว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นวิกฤตที่ไม่สามารถรับมือได้
ในสัปดาห์ที่แล้ว ทางฝ่ายค้านได้ยื่นข้อเรียกร้องต่อสภาให้นายกฯ โมดิควรออกมาขอโทษประชาชนสำหรับการตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งนี้
ผู้สื่อข่าวหลายสำนักรายงานว่า ยังไม่มีความชัดเจนถึงจำนวนประชาชนอินเดียที่สนับสนุนความเคลื่อนไหวในการประท้วงที่เพิ่มจำนวนขึ้น ผู้ประท้วงที่มาชุมนุมกันเป็นจำนวนมากอยู่ที่เมืองอัคร กัลกัตตาและบังกาลอร์
ทั้งนี้ ประมาณ 90% ของการทำธุรกรรมการเงินในอินเดียเป็นเงินสด และประชาชนจำนวนมากไม่มีบัญชีธนาคาร ธนบัตรทั้งสองชนิดคือ 500 และ 1,000 รูปีที่ถูกยกเลิกคิดเป็นสัดส่วนถึง 86% ของกระแสเงินสดในประเทศ
“ เรากำลังประท้วงกับภาวะฉุกเฉินทางการเงินที่ไมมีการประกาศจากทางรัฐบาล และประชาชนต้องเผชิญกับความยากลำบากทุกข์ทนไปทั่วประเทศเพราะการตัดสินใจที่ผิดกฎหมายในครั้งนี้ ” นายมานิช ทิวารี จากพรรคคองเกรสกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี
ในการปรากฏตัวครั้งแรกของนายกฯ โมดิหลังการประกาศยกเลิกการใช้ธนบัตร เขาได้กล่าวเมื่อวันที่ 27 พ.ย. เรียกร้องให้ประชาชนหันมาใช้เงินดิจิทัลและใช้เงินสดให้น้อยลง
ในสัปดาห์ที่แล้ว อดีตนายกรัฐมนตรีมันโมฮัน สิงห์กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในครั้งนี้เป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง และจะส่งผลให้ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ร่วงดิ่งลงประมาณ 2%
โดยนายกฯ โมดิประกาศว่า การยกเลิกการใช้ธนบัตร 500 และ 1,000 รูปีเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาลเมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา
หลังจากนั้น ก็เกิดความวุ่นวายโกลาหลครั้งใหญ่ในอินเดีย เนื่องจากประชาชนต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในแต่ละวันเพื่อต่อแถวยาวเหยียดหน้าธนาคารและเครื่องกดเงินเอทีเอ็ม ซึ่งมีจำนวนเงินไม่มากพอให้แลกได้ทุกวัน.